วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ดอกไม้ในวรรณคดี

วรรณคดี

วรรณคดี
มวลดอกไม้นานาพรรณ อันอยู่ประดับโลก บ้างก็มีสีสันฉูดฉาด บาดตา บ้างก็มีกลิ่นหอมหวนชวนดม แต่ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้เช่นใด ไม่ว่าจะเป็นไม้ดอกหรือไม้ใบ ต่างก็มีเสน่ห์ของตัวเองแตกต่างกันไป สร้างความชุ่มชื่นให้แก่อารมณ์ของผู้พบเห็นอย่างที่เรียกว่า “ อาหารตา – อาหารใจ ” ช่วยคลายความเครียดได้ทางหนึ่ง ซึ่งไม่เป็นเรื่องแปลกที่จิตกวี หรือนักประพันธ์ทุกยุคทุกสมัยต้องนำเอาพันธ์ไม้ไปเป็ฯส่วนหนึ่งประกอบไว้ในวรรณกรรมของตนด้วย
จิตกวีของไทยก็เช่นกัน ต่างก็สนใจนำเอาพันธ์ไม้มาเรียบเรียงคำให้เป็นร้อยกรองที่มีความไพเราะเพราะพริ้ง สอดแทรกเข้าไปในบทประพันธ์ ในบทชมสวนบ้าง เดินทางกลางป่าไพรบ้าง บทเกี้ยวพาราสีบ้าง การอ่านวรรณคดีจึงได้ทั้งรสหนังสือ ความรู้เรื่องพันธุ์ไม้ที่บ้างครั้งเรายังไม่รู้จัก ไม่เคยพบเห็นด้วยซ้ำไป อีกทั้งยังใช้สำหรับค้นคว้าทางด้านวิชาการ

เราจะพบญาณทัศนะของกวีต่อต้นไม้ ที่นำมาใช้ในบทประพันธ์ต่างๆ กัน เช่น
- จะเห็นได้ว่าคนไทยตั้งแต่สมัยโบราณอยู่กับต้นไม้ด้วยความรัก มีความสุข
ตามอัตภาพ สภาพดั้งเดิมของคนไทยปลูกบ้านยกพื้นปล่อยใต้ถุนโล่ง เนื่องจากป้องกันน้ำท่วม บางแห้งพื้นที่ลุ่มไม่เหมาะต่อการปลูกพรรณไม้ชนิดที่ไม่สามารถทนแรงของน้ำเมื่อถึงเวลาน้ำท่วมได้ ก็ใช้ชานเรือนทำสวนกระถาง เช่น วรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้าง ได้พรรณนาต้นไม้ไว้หลายชนิดภายในบริเวณบ้านของขุนช้าง
- ใช้ชื่อไม้แสดงความคร่ำครวญถึงนางอันเป็นที่รัก เป็นแบบแผนคลาสสิค
เช่น กาพย์ห่อโครง “ นิราศธารโศก ” ของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ ( เจ้าฟ้ากุ้ง ) ลิลิตตะเลงพ่าย ของสมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส เป็นต้น
- ใช้ไม้ชนิดนั้นๆ แสดงปรัชญา สุภาษิต และคำพังเพย เช่น
- แสดงประวัติพันธ์ไม้ เช่น “ มณฑามาแต่แขก ”

จากการศึกษาจะเห็นได้ว่าดอกไม้ในวรรณคดีส่วนใหญ่มักเป็นไม้ดอกที่มีสีสัน
สวยงาม และมีชื่อเป็นมงคล จะพบมากในวรรณคดีเรื่องอิเหนา พระราชนิพนธ์ใน พระบาทสมเด็จพระเลิศหล้านภาลัย ( รัชกาลที่ ๒ ) และวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน พระราชนิพนธืในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ( รัชกาลที่ ๑ ) ส่วนใหญ่มักจะแต่งเป็นคำประพันธ์ประเภทนิราศ อันได้แก่ บทประพันธ์ นิราศธารโศก ของ เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ ( เจ้าฟ้ากุ้ง ) นิราศพระบาท ของ พระสุนทรโวหาร ( สุนทรภู่ ) เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีบทประพันธ์ประเภท โคลง ฉันท์ กาพย์ ลิลิต อีกด้วย เช่น บทละครนอกเรื่องคาวี พระราชนิพนธ์ใน พระบาทสมเด็จพระเลิศหล้านภาลัย ( รัชกาลที่ ๒ ) บทละครเรื่องเงาะป่า พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จ - พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ( รัชกาลที่ ๕ ) มัทนะพาธา พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ( รัชกาลที่ ๖ ) โคลงนิราศนรินทร์ ของ นายนรินทร์ ธิเบศร์ ( อิน ) บทละครเรื่องพระอภัยมณี ของ พระสุนทรโวหาร ( สุนทรภู่ ) ลิลิตพระลอ โคลงโลกนิติ ขุนช้างขุนแผน กาพย์พระไชยสุริยา บุณโณวาทคำฉันท์ กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง ลิลิตตะเลงพ่าย เป็นต้น

กรรณิการ์




“… กรรณิการ์ ก้านสีแดงสด
คิดผ้าแสดติดขลิบนาง
เห็นเนื้อเรื่อโรงราง
ห่มสองบ่าอ่าโนเน่ …”

วรรณคดี : กาพย์ห่อโคลง “ นิราศธารโศก ”
ผู้ประพันธ์ : เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง)

ชื่อพฤกษศาสตร์ : Nyctanthes arbor – tristis
ชื่อสามัญ : Night Jasmine
ชื่อวงศ์ : Verbenaceae

กรรณิการ์เป็นพุ่มไม้ขนาดเล็ก สูงประมาณ ๑ - ๒ เมตร ใบสากคาย ขอบใบเป็นจักตื้น ๆ และใบออกทิศทางตรงข้ามกัน
ดอกสีขาว ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ลักษณะคล้ายดอกมะลิ แต่มีขนาดกลีบแคบกว่า ปลายกลีบมี ๒ แฉก ขนาดไม่เท่ากัน โคนกลีบติดกันเป็นหลอดสีส้มสด ดอกบานส่งกลิ่นหอมในเวลากลางคืน และจะร่วงในเช้าวันรุ่งขึ้น
ผลมีลักษณะกลมแบน ขณะอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่เป็นสีดำ
การขยายพันธุ์ ใช้ตอนกิ่ง
ทางด้านสมุนไพร เปลือกให้น้ำฝาด เปลือกชั้นในเมื่อผสมกับปูนขาวจะให้สีแดง ดอกมีน้ำมันหอมระเหยที่กลั่นได้ เช่นเดียวกับมะลิ ส่วนของดอกที่เป็นหลอด สกัดเป็นสีย้อมผ้าไหม ใบใช้แก้ไข้และโรคปวดตามข้อ น้ำคั้นจากใบใช้เป็นยาระบาย และเป็นยาขมเจริญอาหาร


กระดังงา



“… สามกษัตริย์เที่ยวชมบุปผชาติ ดอกดกเดียรดาษในสวนขวัญ
เกดแก้วพิกุลแกมพิกัน จวงจันทร์ลำดวนกระดังงา …”
วรรณคดี : “ รามเกียรติ์ ”
ผู้ประพันธ์ : พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก


ชื่อพฤกษศาสตร์ : Artabotrys siamensis
ชื่อสามัญ : Artabotrys
ชื่อวงศ์ : Annonaceae
ชื่ออื่น ๆ : กระดังงาเถา กระดังงัว
การเวกเป็นไม้เถาขนาดกลางถึงใหญ่ เนื้อไม้แข็ง มักพบตามป่าชื้นทั่ว ๆ ไปนิยมปลูกให้เลื้อยเป็นไม้ซุ้มตามเรือนต้นไม้ หรือซุ้มประตู ใบร่มทึบ อายุยืนมาก ออกดอกตลอดปี ขึ้นได้ดีในทุกที่ทุกแห่งที่มีความชื้นพอสมควร ชอบอยู่กลางแจ้ง ลำต้นอาจมีขนาดโคนต้นใหญ่ ๘ - ๑๒ นิ้ว
ลำต้นมีผิวเปลือกค่อนข้างเรียบ สีเทาอมดำหรือน้ำตาล มีกลิ่นเหม็นเขียวเพราะมีต้นน้ำมันกระจายอยู่
ใบเป็นใบเดี่ยวสีเขียวจัด เป็นมัน รูปมนรี ปลายแหลม ยาวประมาณ ๖ - ๗ นิ้ว แต่กว้างกว่ากระดังงา
ดอกอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นขาว เหลืองอ่อน จนแก่จัดมีสีเหลืองเข้ม มีกลิ่นหอมรุนแรงและส่งกลิ่นไปได้ไกล ดอกเป็นกลีบเรียวยาวแยกจากกัน ๖ กลีบ ดอกใหญ่กว่าและกลีบดอกหนากว่ากระดังงา เมื่อดอกแก่จะร่วงเป็นผล
ผลมีลักษณะกลมรี เป็นพวง สีเขียว และเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้ม เมื่อผลแก่จัดภายในผลแก่มีเมล็ดสีดำเป็นเมือก ๆ
การขยายพันธุ์ นิยมใช้กิ่งตอน เพราะโตเร็วกว่าการขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด


กุหลาบมอญ




“… เที่ยวชมแถวขั้นรุกขชาติ
ดอกเกลื่อนดกกลาดหนักหนา
กาหลงกุหลาบกระดังงา
การะเกดกรรณิการ์ลำดวน …”
วรรณคดี : “ รามเกียรติ์ ”
ผู้ประพันธ์ : พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก


ชื่อพฤกษศาสตร์ : Rosa damascema, Mill.
ชื่อสามัญ : Damask Rose , Persia Rose, Mon Rose
ชื่อวงศ์ : Rosaceae

กุหลาบมอญเป็นไม้ดอกประเภทไม้พุ่มผลัดใบ ลำต้นตั้งตรง กิ่งก้านมีหนาม พุ่มสูงประมาณ ๒ - ๓ เมตร อายุยืน แข็งแรง เป็นไม้ที่ต้องการแสงแดดจัดอย่างน้อยวันละ ๖ ชั่วโมง จึงควรปลูกในที่โล่งแจ้งแต่ควรเป็นที่อับลม ขึ้นได้ในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์พอ ชอบน้ำ แต่ไม่ชอบน้ำขัง ดินจึงต้องระบายน้ำได้ดี ชอบอากาศร้อนในตอนกลางวัน และอากาศเย็นในตอนกลางคืน กุหลาบมอญนี้ถือได้ว่าเป็นกุหลาบพื้นเมืองของไทย
ใบเป็นใบประกอบชนิดขนนก มีหูใบ ๑ คู่ มีใบย่อย ๓ - ๕ ใบ ในก้านช่อใบหนึ่ง ๆ ใบจัดเรียงแบบสลับ ใบมีสีเขียวเข้มเป็นมัน มีรอยย่นเล็กน้อย ขอบใบเป็นจักละเอียด เส้นกลางใบด้านท้องใบมีหนามห่าง ๆ
ดอกมีลักษณะค่อนข้างกลม กลับดอกเรียงซ้อนกันหลายชั้น วนออกนอกเป็นรัศมีโดยรอบ ดอกมีสีชมพูอ่อน สีชมพูเข้ม ดอกมักออกเป็นช่อ ทางปลายกิ่ง กลีบดอกมีลักษณะปลายแหลมเรียว
การขยายพันธ์ใช้วิธีตอนกิ่ง


ดอกดึง




เล็บนางงามแสล้ม
ต้นนางแย้มแกมดองดึง
สุพรรณิกากากระทึง
ดอกราชพฤกษ์ซึกไทรไตร ฯ …”

วรรณคดี : กาพย์ห่อโคลง “ นิราศธารทองแดง ”
ผู้ประพันธ์ : เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ “ เจ้าฟ้ากุ้ง ”

ชื่อพฤกษศาสตร์ : Gloriosa superba, L.
ชื่อสามัญ : Glory Lily, Climbing Lily, Superd Lily
ชื่อวงศ์ : Liliaceae
ชื่ออื่น ๆ : ดาวดึงส์ ว่านก้ามปู หัวขวาน พันมหา บ้องขวาน ผะขาโก้ง คมขวาน

ดองดึงเป็นไม้ล้มลุก ลำต้นอยู่ใต้ดิน มีลักษณะเดียวกับเหง้ากระชาย สีขาวครีม รูปร่างคล้ายหัวขวาน ส่วนที่เป็นหัวหรือไหลเป็นสีขาวนมสด ชอบดินร่วนปนทราย เจริญเติบโตได้ในที่มีแสงแดดจัดและแดดร่มรำไร
ดองดึงเป็นพืชเถาเลื้อย ก้านใบที่โผล่ขึ้นเหนือดิน ลักษณะเป็นเถากลมขนาดเล็ก แต่เหนียวเลื้อยเกาะได้สูง ๑ - ๓ เมตร เถาเป็นข้อปล้องเห็นได้ชัด


ตะแบก




“… ช้องนางช้างน้าวสายหยุด
ช่อตะแบกชาตบุษย์ชูก้าน
พิกุลพวกแก้วเป็นแถวบาน
พุดตาลพันแต้วตำปี …”
วรรณคดี : “ รามเกียรติ์ ”
ผู้ประพันธ์ : พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก

ชื่อพฤกษศาสตร์ : Lagerstroemia frosreginae, Retz.
ชื่อสามัญ : Queen's Flower
ชื่อวงศ์ : Lythraceae
ชื่ออื่น ๆ : กระแบก

ตะแบกเป็นไม้ยืนต้นเนื้อแข็งขนาดกลางถึงใหญ่ ชอบขึ้นอยู่ทั่วไปตามป่าราบ เป็นไม้กลางแจ้งออกดอกปีละครั้ง
ลำต้นมีเปลือกเรียบสีขาวเป็นมัน เมื่อแก่ผิวร่อนคล้ายต้นฝรั่ง ลำต้นสูง แตกกิ่งก้านด้านบน
ใบโต ปลายใบแหลมคล้ายใบลั่นทม เมื่อออกดอกจะทิ้งใบ
ดอกสีชมพูอมม่วง บางพันธุ์ดอกสีขาว เวลาดอกบานจะดูสะพรั่งสวยงามมาก เมื่อดอกโรยจะติดผลเป็นช่อ ลูกคล้ายหมากดิบ
การขยายพันธุ์ ใช้วิธีเพาะเมล็ด



ผกากรอง




“… มะลิวัลย์พันระกำขึ้นแกมจาก
ได้สามวันกรรมพรากไปจากห้อง
จำปีเคียงโศกระย้า ผกากรอง
พี่โศกเศร้าเฝ้าตรองกว่าสองปี …”
วรรณคดี : “ ขุนช้างขุนแผน ”
ผู้ประพันธ์ : สุนทรภู่

ชื่อพฤกษศาสตร์ : Lantana camara, L.
ชื่อสามัญ : Cloth of Gold, Hedge Flower
ชื่อวงศ์ : Verbenaceae
ชื่ออื่น ๆ : ก้ามกุ้ง เบญจมาศป่า ขะจาย ขี้กา คำขี้ไก่ เบ็งละมาศ ไม้จีน

ผกากรองเป็นไม้พุ่มขนาดเล็กสูงประมาณ ๒ - ๖ ฟุต ขึ้นได้ในดินทุกชนิด ชอบแล้งมากกว่าแฉะ ชอบแสงแดดจัด นิยมปลูกเป็นไม้ประดับเพื่อดูดอกเพราะผกากรองให้ดอกสวยและดกตลอดปี
ใบเป็นรูปไข่ ริมใบหยักเป็นจัก ใบคายสากมือ มีกลิ่นเหม็น
ดอกมีขนาดเล็กออกเป็นกระจุก ขนาดโตประมาณ ๑ - ๑.๕ นิ้ว มีหลายสี เช่น เหลืองอ่อน แดง ขาว ม่วง ชมพู เหลืองเข้ม
การขยายพันธุ์ ใช้วิธีเพาะเมล็ด หรือตัดกิ่งปักชำ
สรรพคุณทางสมุนไพร ใบตำพอกแผล ฝีพุพอง ใบต้มน้ำอุ่นอาบ หรือแช่แก้โรคปวดข้อ


สารภี





“… บุนนาคบานน้อมค้อมผกา
รักลารายล้อมสลับสี
ม่วงสนหมู่โศกสารภี
ลิ้นจี่ลำเจียกจิกจันทน์ …”
วรรณคดี : “ รามเกียรติ์ ”
ผู้ประพันธ์ : พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก

ชื่อพฤกษศาสตร์ : Ochrocarpus siamensis, T. And.
ชื่อสามัญ : Negkassar
ชื่อวงศ์ : Guttiferae

สารภีเป็นไม้ยืนต้น สูงประมาณ ๕ - ๑๐ เมตร มีอายุยืน ทรวดทรงของลำต้นตั้งตรง เรือนพุ่มใบดกหนา สีเขียวเข้ม ส่วนยอดเป็นพุ่มแหลม พบขึ้นประปรายในป่าเบญจพรรณและป่าดิบทั่วประเทศ เนื้อไม้สีน้ำตาลแกมแดง เสี้ยนตรงสม่ำเสมอ และถี่ เนื้อละเอียด แข็ง ค่อนข้างทนทาน
ใบหนาแข็ง มียางสีขาว ลักษณะเป็นรูปไข่ยาว ปลายใบมนแหลม โคนใบแหลม มีสีเขียวเข้มเป็นมัน พุ่มใบตก ไม่ผลัดใบ
ผลกลมยาวคล้ายลูกมะกอก ผลสุกสีเหลืองอร่าม มีขนาดเล็กกว่าลูกปิงปอกเล็กน้อย เนื้อในนุ่ม รับประทานได้ เปลือกหนา เมล็ดในแข็ง
การขยายพันธุ์ ใช้วิธีเพาะเมล็ด หรือตอนกิ่ง
คุณค่าด้านสมุนไพร ใช้ดองปรุงเป็นยาหอมชูกำลัง บำรุงหัวใจ บำรุงประสาท แก้ลมวิงเวียน หน้ามืดตาลาย

สรุป วันที่14/07/2551

นางสาวอัญชลี พันกลั่น
รหัส 491102064132
วิทยาการคอมพิวเตอร์ห้อง 1 ปี 3
สรุปเนื้อหาที่เรียน วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม 2551

การบริหารโครงการ
โครงการ หมายถึง ข้อเสนอที่จะดำเนินงานในเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้สำเร็จโดยมีการตระเตรียม และวางแผนงานไว้ล่วงหน้า
ลักษณะของโครงการจะต้องมีวัตถุประสงค์ชัดเจน(เน้นผลลัพธ์) ต้องมีกำหนดเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุด และต้องดำเนินงานอยู่ภายใต้ข้อจำกัด เวลา ต้นทุน คุณภาพ
การวางแผนโครงการ จะต้องมี
-จุดมุ่งหมายของการวางแผน
-ปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงในการวางแผน
-ขั้นตอนการวางแผนโครงการ โดยมีส่วนประกอบคือ
1.กำหนดวัตถุประสงค์และขอบเขตของงาน จะต้องอธิบายถึงวัตถุประสงค์ของการดำเนินการเพื่อให้บรรลุผลเมื่อสิ้นสุดโครงการ ต้องกำหนดขอบเขตของงานว่าจะครอบครุมถึงการทำงานด้านใด
2.กำหนดผลิตภัณฑ์ที่จะต้องส่งมอบและระบุรายการโครงสร้างงาน ต้องระบุผลิตภัณฑ์ เอกสาร ระบบงานที่จะต้องส่งมอบให้ชัดเจน กำหนดรายการโครงสร้างงาน
รายการโครงสร้างงานเป็นกลุ่มรายการงานที่ต้องทำภายในโครงการหนึ่งๆ งานใดที่ไม่ระบุในรายการโครงสร้างงานงานนั้นนอกขอบเขตของโครงการ
3.การจัดองค์กร คือการจัดความสัมพันธ์ระหว่างคนกับหน้าที่ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับโครงการหนึ่ง ๆ
4.กำหนดระบบการทำงานและระบบเอกสาร ต้องมีระบบเวลาทำงาน ระบบการรายงาน ระบบเอกสาร และแผนคุณภาพ
5.การกำหนดตารางเวลา ต้องรู้ว่าเราจะต้องทำอะไรบ้าง ใช้เวลาเท่าไร และใช้ทรัพยากรอะไร
6.การวิเคราะความเสี่ยง ความเสี่ยงคือสิ่งที่มีโอกาสทำให้การดำเนินงานโครงการล้มเหลว
ขั้นตอนการวิเคราะห์ปัญหา จะต้องมี คำถามเพื่อประเมินความเสี่ยง การกำหนดและการประเมินความเสี่ยง ประเมินระดับความเสี่ยง จัดทำแผนฉุกเฉินเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหา
การจัดการกับความเสี่ยงจะต้อง ดำเนินการทันที ติดตาม โอนย้าย มอบหมาย จัดทำแผน
ช่วงเริ่มดำเนินการจะต้องดำเนินการติดตามโครงการตามจุดตรวจสอบและประเมินผลตามเกณฑ์วัดผล
ช่วงดำเนินโครงการ ต องติดตามการสื่อสารภายในโครงการ และการประชุม
การติดตามดูแลโครงการ การตรวจติดตามจะเป็นการติดตามโดยผู้จ้างและการติดตามโดยในระดับโครงการเอง การวัดความก้าวหน้าระหว่างการดำเนินงานจัดทำโดยผู้จัดการโครงการทุกสัปดาห์ 1 เดือน 3 เดือน
กระบวนการแก้ไขปัญหา จะต้องมี การระบุปัญหา รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์หาสาเหตุ ทำแผนปฏิบัติ กำหนดทางเลือกในการแก้ไขปัญหา เลือกทางแก้ไขที่ดีที่สุด นำแผนไปปฏิบัติ และประเมินผลการแก้ไข
ความขัดแย้งในโครงการ สาเหตุคือ ความแตกต่างระหว่างบุคคลทั้งอายุและประสบการณ์ บุคลิกภาพ ทัศนคติ เป้าหมายไม่เห็นชอบร่วมกัน ความรับผิดชอบไม่ชัดเจน ความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ความขัดแย้งอาจจะเกิดระหว่างผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้าง หรืออาจเกิดระหว่างกลุ่มก็ได้ ควรที่จะกำหนดหน้าที่ กำหนดบทบาทในทีมให้ชัดเจนเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง
รูปแบบการปิดโครงการมีทั้ง การปิดโครงการเมื่อเสร็จแล้วตามแผน การปิดโครงการคันและการปิดโครงการเดิมและปิดโครงการใหม่
การประเมินผลโครงการ หมายถึง การใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ได้มาซึ่งสารสนเทศ อันจะนำไปสู่การตัดสินใจหรือการวินิจฉัยคุณค่าของโครงการ
ขั้นตอนการจัดทำระบบการประเมินผลโครงการ
- กำหนดผลสัมฤทธิ์ที่ต้องการ (ช่วงวางแผนโครงการ)
- กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จของงาน (ช่วงวางแผนโครงการ)
- กำหนดวิธีการรวบรวมข้อมูล (ช่วงวางแผนโครงการ)
- กำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงาน (ช่วงวางแผนโครงการ)
- รายงานผลสัมฤทธิ์ (ช่วงสิ้นสุดโครงการ)
- ใช้ประโยชน์ข้อมูลจากการประเมินผลโครงการ (ช่วงสิ้นสุดโครงการ)

สรุป

วันอาทิตย์, กรกฎาคม 6, 2008
สรุป สิ่งที่เรียนในห้องเรียน 30/06/2551
นางสาวอัญชลี พันกลั่น 491102064132
วิทยาการคอมพิวเตอร์ห้อง 1 ปี 3

แนวคิดเกี่ยวกับข้อมูลในสำนักงาน
ข้อมูล หมายถึง ข้อเท็จจริงซึ่งเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ สิ่งของ หรือเหตุการณ์ ข้อมูลอาจจะเป็นได้ทั้งตัวเลข ตัวอักษร ข้อความ เสียง ภาพนิ่ง ภาพกราฟิก หรือภาพยนตร์ โดยทั่วไปแล้วข้อมูลมักจะเกิดขึ้นอย่างไม่มีระเบียบ และไม่ได้ผ่านการประมวลผล
สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลที่ได้ถูกนำมาประมวลผลเพื่อใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติงาน หรือตัดสินใจ เพื่อสนับสนุนในงานที่เกี่ยวข้อง
การจัดการข้อมูลในสำนักงาน
ความจำเป็นของการจัดการข้อมูลในสำนักงาน
เหตุผลสำคัญที่ทำให้ต้องมีการจัดการข้อมูลในสำนักงาน มีดังนี้
- ปริมาณข้อมูลในสำนักงาน (data volume) การจัดการข้อมูลที่ดีทำให้ข้อมูลมีระเบียบง่ายต่อการนำไปใช้
- การใช้ข้อมูลร่วมกัน (data sharing) การจัดการข้อมูลช่วยทำให้ข้อมูลมีความเป็นปัจจุบัน ผู้ใช้นำข้อมูลไปใช้ได้อย่างเหมาะสมและให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง
- ความถูกต้องแม่นยำของข้อมูล (data accuracy)
- ความสมบูรณ์ของข้อมูล (data integrity)
- ความปลอดภัยของข้อมูล (data security) การจัดการข้อมูลช่วยให้มีการรักษาความปลอดภัยและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับข้อมูลในองค์การ

แนวทางการพัฒนาฐานข้อมูลในสำนักงาน
การพัฒนาฐานข้อมูลในสำนักงาน มีกระบวนการหรือวงจรที่ใช้ในการพัฒนาฐานข้อมูล (Database Life Cycle , DBLC) ประกอบด้วย 6 ขั้นตอน คือ
การศึกษาเบื้องต้นเพื่อจัดทำฐานข้อมูล
มีวัตถุประสงค์เพื่อทำความเข้าใจโครงสร้างการทำงาน ปัญหาการทำงานและขอบเขตของการจัดทำฐานข้อมูล ประกอบด้วย
- การวิเคราะห์องค์การ จะทำการศึกษานโยบาย วัตถุประสงค์ สภาพการทำงาน โครงสร้างของหน่วยงาน
- การกำหนดปัญหาและเงื่อนไข เป็นการศึกษาปัญหาจากการปฏิบัติงาน ระบบข้อมูลที่มีอยู่
- การกำหนดวัตถุประสงค์ เป็นการกำหนดวัตถุประสงค์การจัดทำฐานข้อมูล และผู้ที่จะใช้ฐานข้อมูล
- การกำหนดขอบเขต เป็นการกำหนดขอบเขตของการจัดทำฐานข้อมูล
ระบบความปลอดภัยของข้อมูลในสำนักงาน
ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อข้อมูลในสำนักงาน ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบคือ
- คน ในที่นี้มี 2 กลุ่ม คือ
- พนักงานของหน่วยงานที่ไม่เจตนาทำความเสียหายแก่ข้อมูล
- พนักงานของหน่วยงานที่เจตนาทำความเสียหายแก่ข้อมูล
- ฮาร์ดแวร์
- ซอฟต์แวร์
- ไวรัสคอมพิวเตอร์
- ภัยธรรมชาติ
.อาชญากรคอมพิวเตอร์
อาชญากรคอมพิวเตอร์ (computer criminal) คือคนที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ที่สร้างความเสียหายในด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และข้อมูล ประกอบด้วย
1 ลูกจ้างของกิจการ
2 ลูกค้าหรือคู่ค้าของกิจการ
3 บุคคลทั่วไป
ไวรัสคอมพิวเตอร์
ความหมายของไวรัสคอมพิวเตอร์
ไวรัสคอมพิวเตอร์ (computer virus) หมายถึง โปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยมีความสามารถในการแพร่กระจายจากระบบคอมพิวเตอร์หนึ่งไปยังระบบคอมพิวเตอร์อื่นๆ ในการแพร่กระจายของไวรัสคอมพิวเตอร์จะแทรกตัวไปกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลหรือซ่อนตัวอยู่ในหน่วยความจำทั้งในหน่วยความจำหลักหรือหน่วยความจำสำรองก็ได้
วิธีการแพร่ระบาดของไวรัสคอมพิวเตอร์
2.1 ทางดิสเกตต์ (deskette) เมื่อนำแผ่นดิสเกตต์ที่มีไวรัสคอมพิวเตอร์ซ่อนตัวอยู่มาใช้งาน ไวรัสนั้นก็จะเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์นั้น
2.2 ทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (computer network) เป็นการแพร่ระบาดโดยผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เช่น ไปรษณีย์อิเล็กนิกส์ กระดานข่าว เป็นต้น
ความเสียหายที่เกิดจากไวรัสคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างความเสียหายที่จากไวรัสคอมพิวเตอร์ เช่น
- การปรากฏข้อความในลักษณะต่างๆ ซึ่งสร้างความรำคาญให้แก่ผู้ใช้งาน
- การลบหรือทำลายโปรแกรมหรือข้อมูล
- การทำให้โปรแกรมหรือข้อมูลนั้นใช้งานไม่ได้
- การทำให้โปรแกรมทำงานผิดๆ ถูกๆ
- การขยายหรือแพร่กระจายตัวเองในคอมพิวเตอร์ จนกระทั่งไม่มีเนื้อที่เหลือที่จะใช้งานใดๆ ต่อไป
- การควบคุมการทำงานบางคำสั่งของโปรแกรมระบบทำงานผิดไปจากเดิม

สรุป

วันจันทร์, กรกฎาคม 14, 2008
ส่งสรุปในชั่วโมง 7 กรกฏาคม 2551
นางสาวอัญชลี พันกลั่น
รหัส 491102064132
วิทยาการคอมพิวเตอร์ห้อง 1 ปี 3

การจัดการสารสนเทศส่วนบุคคล

ทุกองค์การทั้งภาครัฐและเอกชนต้องมีการวางแผนด้านต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความสำเร็จในการประกอบกิจการจึงเกิดแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า การจัดการสารสนเทศส่วนบุคคล
อดีตสารสนเทศที่ได้รับนั้นไม่มีมากเท่ากับในปัจจุบัน ส่วนใหญ่อาศัยกระดาษเป็นหลักมักมีตู้เก็บเอกสารเป็นส่วนประกอบ ยังใช้จนถึงปัจจุบัน เมื่อไมโครคอมพิวเตอร์มีบทบาทในวงการต่าง ๆ แต่ละบุคคลได้รับสารสนเทศมากขึ้น สังคมได้เปลี่ยนแปลงทำให้คนหันมาให้ความสนใจนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการสารสนเทศส่วนบุคคล ระบบการจัดการสารสนเทศส่วนบุคคลในรูปแบบคอมพิวเตอร์มีความแตกต่างทั้งด้านรูปลักษณ์ ระดับความสามารถในการทำงานและราคา แต่มีองค์ประกอบที่เหมือนกับระบบที่ใช้หลักการจัดการฐานข้อมูล คือ ส่วนรับเข้า ส่วนประมวลผล ส่วนแสดงผล
ประเภทของระบบการจัดการสารสนเทศส่วนบุคคล
การจำแนกตามรูปลักษณ์ ได้แก่
ประเภทโปรแกรมสำเร็จ ใช้กับไมโครคอมพิวเตอร์ทั้งใช้งานอิสระและผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายในองค์กร ฟังก์ชันการทำงานหลัก ได้แก่ ฟังก์ชันนัดหมาย ฟังก์ชันติดตามงาน และ ฟังก์ชันการติดต่อสื่อสาร ,ประเภทโปรแกรมสำเร็จที่ใช้ในงานสำนักงานทั่วไป , ประเภทอุปกรณ์เฉพาะ
การจำแนกตามฟังก์ชันการทำงาน ได้แก่
ประเภทพื้นฐาน มีความซับซ้อนน้อย ประกอบด้วยฟังก์ชันที่มีระดับสามารถในการทำงานไม่ซับซ้อน ได้แก่ ฟังก์ชันนัดหมายส่วนบุคคล ฟังก์ชันติดตามส่วนบุคคล และ ฟังก์ชันติดต่อสื่อสารแบบพื้นฐานของผู้มาติดต่อ
ประเภทกึ่งซับซ้อน มีความซับซ้อนมากกว่าระบบที่อยู่ในประเภทพื้นฐาน ประกอบด้วยฟังก์ชั่นทั่วไปทั้งหมดของประเภทพื้นฐานและเพิ่มฟังก์ชันติดตามงานกลุ่มเข้าไป
ประเภทซับซ้อน เป็นระบบที่มีความซับซ้อนมากที่สุด ประกอบด้วยฟังก์ชั่นทั้งหมดของสองประเภทแรกและเพิ่มฟังก์ชันการติดต่อสื่อสารแบบซับซ้อนทั้งผ่านโทรศัพท์และผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบนัดหมายส่วนบุคคลหรือปฏิทินการทำงานส่วนบุคคลเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่พบในระบบจัดการสารสนเทศส่วนบุคคลโดยทั่วไป มีลักษณะคล้ายสมุดนัดหมายส่วนบุคคลเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการบริหารเวลาให้มีการใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า
ระบบนัดหมายกลุ่ม เป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่ช่วยในการประชุม เป็นการพัฒนาการที่เกี่ยวข้องกับระบบนัดหมายส่วนบุคคล คือเป็นการนำปฏิทินการทำงานในระบบคอมพิวเตอร์ของสมาชิกแต่ละคนมารวมกันและแสดงผลข้อมูลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์พร้อมกัน ระบบจะแสดงช่วงเวลาสมาชิกทุกคนมีเวลาว่างพร้อมกันเพื่อผู้ใช้ระบบเลือกเอาเวลาที่เหมาะสมสำหรับการประชุม
ระบบติดตามงานส่วนบุคคล เป็นโปรแกรมอรรถประโยชน์ เป็นเครื่องมือที่สำคัญอย่างหนึ่งในการบริหารงานและเวลาของแต่ละบุคคล ปัญหาที่พบในการบริหารเวลาที่พบคือการที่พยายามทำงานให้เสร็จภายในวันเดียว ผัดวันประกันพรุ่งจึงต้องทำงานอย่างเร่งรีบในตอนท้าย ระบบติดตามงานส่วนบุคคลจะช่วยแก้ปัญหาได้โดยเริ่มจากการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับงานที่ต้องทำเข้าสู่ระบบและจัดลำดับงานตามความสำคัญ
ระบบติดตามงานกลุ่ม เป็นการนำระบบติดตามงานส่วนบุคคลมาใช้ประโยชน์ในการบริหารระบบองค์การการที่จะทำให้ระบบติดตามงานกลุ่มสำเร็จนั้น บุคลากรจะต้องใช้ระบบงานส่วนบุคคลในการบริหารงานและเวลาของตนและใช้ระบบเดียวกัน
เทคโนโลยีพีดีเอ เป็นเทคโนโลยีระบบจัดการสารสนเทศส่วนบุคคลที่สำคัญ เครื่องพีดีเอเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เฉพาะที่รวมฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ไว้ด้วยกัน พัฒนาขึ้นเพื่อการจัดการสารสนเทศเพียงอย่างเดียว
คุณลักษณะของพีดีเอ จะถ่ายโอนข้อมูลจากไมโครคอมพิวเตอร์สู่พีดีเอโดยช่องทางการสื่อสาร อนาคตมีแนวโน้มว่าจะใช้เสียงพูดในการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ เครื่องพีดีเอมีความจำขนาดใหญ่สามารถขยายได้โดยใช้การ์ดพีซี เครื่องพีดีเอมีความสามารถด้านการสื่อสารโดยอาศัยเทคโนโลยีทั้งแบบมีสายและไร้สาย ในปัจจุบันการสื่อสารของพีดีได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถรองรับสารสนเทศทุกรูปแบบได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ฟังก์ชันของเครื่องพีดีเอคือ ฟังก์ชันนัดหมายส่วนบุคคล ฟังก์ชันติดตามงานส่วนบุคคล และ ฟังก์ชันติดต่อสื่อสาร
การสื่อสารของพีดีเอ
เทคโนโลยีเซลลูลาร์ เป็นเทคโนโลยีที่ใช้กับโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นระบบที่ใช้สัญญาณแอนาล็อกมีความเร็วในการสื่อสารต่ำคุณภาพสัญญาณไม่ดี ระบบเซลลูลาร์กำลังได้รับการพัฒนาใหม่เป็นระบบที่อาศัยสัญญาณดิจิตัลมีความเร็วในการสื่อสารสูงเร็วกว่าเดิม
เทคโนโลยีอินฟราเรด ใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้สัญญาณลำแสงพุ่งออกจากอุปกรณ์บังคับระยะไกล จะใช้ในการส่งข้อมูลเป็นการสื่อสารแบบสองทาง มีโพรโทคอลไออาร์ดีเอเป็นมาตรฐานที่สนับสนุนการรับส่งข้อมูลผ่านระบบอินฟราเรดระหว่างอุปกรณ์กับอิเล็กทรอนิกส์

สรุป

skip to main | skip to sidebar
n_oo_keaw@hotmail

วันเสาร์, มิถุนายน 28, 2008
ส่งการบ้านวันที่ 23-06-2551
วิวัฒนาการของสำนักงานอัตโนมัติ
- ในการเรียนการสอนมีปัญหาอะไรบ้าง จะมีวิธีแก้ไขอย่างไร
ตอบ ปัญหา
o นักศึกษามาเรียนสาย
o อาจารย์เข้าสอนช้า
o นักศึกษาเล่นอินเตอร์เน็ตในเวลาเรียน
o นักศึกษาคุยกันในห้องเรียน
o นักศึกษาหายเวลาเบรก
การแก้ปัญหา
o มีการเช็คชื่อมาสายเมื่อได้เวลาสอนของอาจารย์
o อาจารย์กับนักศึกษาควรนัดเวลาที่แน่นอนในการเข้าชั้นเรียน
o ห้ามนักศึกษาเปิดคอมพิวเตอร์ในเวลาเรียน
o มีการตักเตือนเมื่อนักศึกษาคุยกันถ้าไม่เชื่อฟังก็ควรที่จะมีการหักคะแนน
o มีการเช็คชื่อตอนหมดคาบเรียน



งานเดี่ยวการบ้าน

1. จงอธิบายความหมายของสำนักงาน
ตอบ สำนักงานเป็นที่แห่งหนึ่งซึ่งจะเป็นขนดเล็กหรือใหญ่ก็ได้ซึ่งอาจใช้เป็นสถานที่
ธุรกรรมต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงาน ควบคุมการดำเนินงานโดยใช้สารสนเทศเป็นเครื่องมือและมีหน้าที่รับข้อมูลจากผู้หนึ่งมาประมวลผลแล้วส่งต่อให้อีกผู้หนึ่ง

2 . การจัดการสำนักงานประกอบด้วยกิจกรรมใดบ้าง
ตอบ ด้านบริการผู้บริหาร
- การรับและสนนาทางโทรศัพท์
- การรับส่งเอกสาร
- การจัดตารางนัดหมาย
- การจัดเก็บและค้นหาเอกสาร
- การจัดการเดินทาง


ด้านข้อมูลและเอกสาร
- การรับและบันทึกการรับเอกสาร
- การส่งเอกสาร
- การจัดทำเอกสาร
- การจัดส่งและบันทึกการส่งเอกสาร
- การจัดเก็บและค้นคืนเอกสาร
ด้านอาคารสถานที่ พัสดุ และ อุปกรณ์
ด้านการจัดการบุคลากร
ด้านการเงินและบัญชี
ด้านการจัดการประชุม
งานประชาสัมพันธ์

3. การวางแผงสำนักงานจะต้องดำเนินการอย่างไร
ตอบ - มีการวางแผนจัดสถานที่และสิ่งแวดล้อม
- มีการวางแผนขั้นตอนการปฏิบัติงานกับการรับ-ส่ง และจัดทำเอกสาร
- มีวางแผนเกี่ยวกับกระแสงาน
- มีวางแผนการจัดหาบุคลากร
- มีการวางแผนการรักษาความปลอดภัยของเอกสาร
- มีการวางแผนการติดต่อสื่อสารภายใน-ภายนอกด้วยโทรศัพท์และโทรสาร
- มีการวางแผนการจัดซื้ออุปกรณ์ เครื่องใช้ วัสดุ
- มีการวางแผนค่าใช้จ่ายในสำนักงาน


4. สภาพแวดล้อมเกี่ยวกับที่ตั้งสำนักงานมีผลต่อการปฏิบัติงานอย่างไร
ตอบ ทำให้พนักงานมีกำลังใจที่จะทำงาน เช่น ที่ตั้งของสำนักงานควรเป็นที่น่าอยู่ไม่อึดอัดมีการคมนาคมที่สะดวกสบาย เพื่อที่พนักงานจะได้ไปทำงานสะดวก มีร้านค้าร้านอาหารไว้บริการพนักงาน การดึงดูดจิตใจก็มีผลต่อการทำงานคือถ้าพนักงานมีจิตใจที่ดี อารมณ์แจ่มใสก็จะมีความสุขต่อการทำงาน

5. เทคโนโลยีที่มีใช้ในสำนักงานมีอะไรบ้าง
ตอบ - ระบบงานพิมพ์ คืองานด้านเอกสารต่าง ๆ
- ระบบโทรคมนาคม คือการสื่อสารเช่นโทรศัพท์
- ระบบรับส่งและจัดเก็บเอกสาร
- คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
- ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

6.*เหตุผลที่หน่วยงานต้องพัฒนาระบบสำนักงานอัตโนมัติคืออะไร
ตอบ ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เป็นจำนวนมากเพื่อให้ความสะดวกสบายต่อการ
ทำงานมากขึ้นการที่เราต้องพัฒนาระบบสำนักงานอัตโนมัตินั้น เพื่อที่ระบบสำนักงานอัตโนมัตินั้นจะได้มีการทำระบบงานที่เร็วขึ้น ทันยุคทันสมัย มีการเจริญเติบโตของธุรกิจและยังสามารถลดค่าใช้จ่ายลงกว่าเดิม และปัจจุบันมีการสื่อสารที่เร็วขึ้นสำนักงานจึงควรที่จะนำเทคโนโลยีใหม่มารับมือกับข้อมูลข่าวสารที่เพิ่มมากขึ้น

7.การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์สำนักงานจำแนกได้กี่ด้าน
ตอบ - การรับเอกสารและข้อมูล เช่นการส่งผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มาจากลูกค้า
หรือบุคคลอื่นโดยตรง
- การบันทึกเอกสารและข้อมูล มีการปรับเปลี่ยนเป็นการบันทึกลงในระบบคอมพิวเตอร์มากขึ้น
- การสื่อสารเอกสารและข้อมูล
- การจัดเตรียมข้อมูลและข่าวสารต่าง ๆ เดิมข้อมูลอาจจะกระจายอยู่ในแฟ้มหลายแห่งแต่สำนักงานอัตโนมัติสามารถหาข้อมูลที่เก็บไว้ได้รวดเร็วมากขึ้น
- การกระจายข่าวสาร ส่งผ่านไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีความสะดวกรวดเร็ว
- การขยายรูปแบบเอกสาร แทนที่จะถ่ายเอกสารจำนวนมาก ให้เปลี่ยนเป็นการจัดเก็บเอกสารไว้ในคอมพิวเตอร์แทน
- การกำจัดและทำลายเอกสาร เอกสารที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์สามารถกำจัดได้สะดวกรวดเร็ว


8. สำนักงานอัตโนมัติมีประโยชน์อะไรบ้าง
ตอบ - ประหยัดงบประมาณค่าใช้จ่าย
- เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
- ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้ถูกต้องและรวดเร็ว
- ผู้ปฏิบัติงานมีความภาคภูมิใจในสำนักงานและหน่วยงานมากขึ้น
- หน่วยงานและสำนักวานมีภาพลักษณ์ดี

9. การพัฒนาระบบสำนักงานอัตโนมัติมีกี่วิธีอะไรบ้าง
ตอบ - การเลือกแนวทางการพัฒนาสำนักงานอัตโนมัติ คือการพิจารณาเลือกว่าจะดำเนินการพัฒนาแบบใดดี ดำเนินการเองว่าจ้างที่ปรึกษา หรือจัดซื้อระบบสำนักงานอัตโนมัติมาใช้
- การวางแผนการพัฒนา ทั้งทางด้านงบประมาณ กระบวนการพัฒนา และกำลังคน
- การพัฒนาและจัดระบบสำนักงานอัตโนมัติ คือการลงมือดำเนินการจัดสร้างระบบ การสั่งซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ การติดตั้งซอฟแวร์ เป็นต้น
- การประเมินผล การปฏิบัติงานและการปรับเปลี่ยน เป็นการตรวจสอบว่าการปฏิบัติงานที่จัดทำขึ้นบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้มากน้อยเพียงใด


สรุปวิวัฒนาการของสำนักงานอัตโนมัติ


สำนักงานคือที่ที่ใช้สำหรับทำธุรกรรมต่างๆ
สำนักงานจะต้องข้อมูลและข่าวสารซึ่งมีลักษณะเป็น คำสั่ง รายงาน บันทึกช่วยจำ ข่าว เป็นต้น และอีกทั้งยังมีประเภทของข้อมูลมีลักษณะเป็น เอกสารพิมพ์ เสียง ภาพลักษณ์ สื่อที่คอมพิวเตอร์อ่านได้ สายงานที่มีในสำนักงานมีหลายด้าน คือ งานวิชาชีพ งานสายสนับสนุน งานสายสำนักงาน
การควบคุมการปฏิบัติงานในสำนักงานนั้นจะเป็นการควบคุมเพื่อให้พนักงานทำงานได้รวดเร็ว ควบคุมการเบิกจ่ายวัสดุอุปกรณ์
สำนักงานนั้นควรที่จะมีสภาพแวดล้อมที่ดี ทั้งที่ตั้งของสำนักงาน การคมนาคม สภาพจิตใจ
ปัจจุบันการมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้กับสำนักงานมาก เช่น ระบบงานพิมพ์ โทรคมนาคม ระบบรับส่งและจัดเก็บเอกสาร คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
สำนักงานอัตโนมัติเกิดขึ้นจากแรงบีบคั้นของเศรษฐกิจและสารสนเทศ ปัจจุบันสำนักงานมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นการปรับเปลี่ยนการทำงานจึงทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายน้อยลง อีกทั้งสำนักงานยังต้องหาเทคโนโลยีใหม่มารับมือกับปริมาณข้อมูลข่าวสารที่มีมากขึ้น
สำนักงานอัตโนมัติ คือ การที่นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจัดการสารสนเทศ เป็นวิธีการใหม่สำหรับคิดและดำเนินงานกับสารสนเทศเป็นการนำคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สำนักงานมาเชื่อมโยงกันด้วยระบบสื่อสารข้อมูลเพื่อให้ทำงานได้เร็ว
องค์ประกอบของสำนักงานอัตโนมัติจะต้องมี บุคลากร เอกสารข้อมูล สารสนเทศ เทคโนโลยีและการบริหารจัดการ
การพัฒนาสำนักงานอัตโนมัติ เป็นการเลือกแนวทางการพัฒนาสำนักงานอัตโนมัติ เป็นการวางแผนการพัฒนา เป็นการพัฒนาและจัดระบบสำนักงานอัตโนมัติ เป็นการประเมินผลการปฏิบัติงานและการปรับเปลี่ยน การวางแผนมีสิ่งที่สำคัญคือ หน่วยงาน สถานภาพ ลักษณะหน่วยวาน ผู้ใช้ การสื่อสาร และลักษณะสารสนเทศ


แปลสไลด์ที่ 32 และ 33 วิวัฒนาการของสำนักงานอัตโนมัติ

1932 อัตโนมัติกระดาษ-เทป typewriter
1933 เกี่ยวกับไฟฟ้า typewriter (IBM)
1935 สำเนา
1939 เครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิค (John v.Atanasofford Berry)
1942 I-froerunner เครื่องหมายสมัยใหม่ของคอมพิวเตอร์
1945 Eniac คอมพิวเตอร์ - Processes ข้อมูลดิจิตอล
1949 Eniac (John von Neumann’s ความคิดโปรแกรมห้างร้าน)
1951 Univaci (U.S.Census การสั่งมอบพนักงาน)
1954 Univaci (โฆษณาแรกใช้)
1961 Selectric typewriter (IBM)
1963 Minicomputer (บริษัทอุปกรณ์ดิจิตอล , DEC)
1964 MT/ST (IBM)
1969 MC/ST (IBM)
1971 Microprocessor (Intel)
1972 ระบบวีดีโอแสดงสำหรับประมวลผลคำ
1973 ระบบแผ่นดิสเก็ตสำหรับประมวลผลคำ
1977 Minicomputer (แอปเปิล)
1978 อิเล็กทรอนิค typewriter (EXXON)
1981 IBM personal คอมพิวเตอร์
1980s จดหมายเสียง,เครือข่าย, graphical ส่วนติดต่อผู้ใช้
1900s personalเครื่องสื่อสาร มัลติมิเดีย,ผลิตภัณฑ์สมาร์ท,

เหตุผลใดไทย จึงแพ้คดีปราสาทพระวิหาร


เหตุผลใดไทย จึงแพ้คดีปราสาทพระวิหาร










...คนไทยไม่ค่อยรู้ความเป็นมาเป็นไปในคดีปราสาทพระวิหารอาจเป็นเพราะว่า ประเทศไทยแพ้คดีนี้ให้กับประเทศเพื่อนบ้านคือกัมพูชา จนทำให้สังคมไทยไม่อยากกล่าวถึงคดีนี้มากนัก...

ประเด็นเรื่องปราสาทพระวิหารกลายเป็นหัวข้อที่สาธารณชนให้ความสนใจอีกครั้ง เมื่อประเทศกัมพูชายื่นเรื่องการขอเสนอให้ปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกตาม อนุสัญญา Convention Concerning the Protection of the World Cultural and Natural Heritage โดยที่ประเทศไทยคัดค้านการยื่นฝ่ายเดียวของกัมพูชา โดยอ้างเรื่องความสมบูรณ์ทางวิชาการด้านโบราณคดีและการที่ทั้งสองประเทศยัง ตกลงกันไม่ได้เกี่ยวกับเขตแดน

แม้คดีนี้จะผ่านความรับรู้ของคนไทยมายาวนานแล้วก็ตามแต่ปรากฏว่ามีคนไทยน้อยมากที่รู้ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในเรื่องนี้

เหตุผลที่คนไทยไม่ค่อยรู้ความเป็นมาเป็นไปในคดีปราสาทพระวิหารอาจเป็น เพราะว่าประเทศไทยแพ้คดีนี้ให้กับประเทศเพื่อนบ้านคือกัมพูชา จนทำให้สังคมไทยไม่อยากกล่าวถึงคดีนี้มากนัก

และด้วยเหตุที่คนไทยรู้จักกับคดีนี้น้อย จึงอาจมีการบิดเบือนข้อมูลได้ง่าย เนื่องจากคดีนี้มีสองประเด็นใหญ่ที่ต้องพิจารณาคือ ประเด็นเรื่องการยอมรับเขตอำนาจศาลและการพิจารณาขั้นเนื้อหา จึงขอแยกอธิบาย ดังนี้

ประเด็นเรื่องเขตอำนาจศาลโลก

ประชาชนคนไทยมักจะสงสัยอยู่เสมอว่า ทำไมประเทศไทยต้องไปขึ้นต่อสู้คดีต่อศาลโลกที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีอธิปไตย มีเอกราช การขึ้นต่อสู้คดีของประเทศไทยมิเท่ากับเป็นการเสียเอกราชหรือ

ประเด็นนี้ เป็นประเด็นข้อกฎหมายที่สลับซับซ้อน หากใช้ความรู้สึกชาตินิยมหรือสามัญสำนึกย่อมไม่เข้าใจว่าทำไมประเทศไทยต้อง ขึ้นศาลโลก ผู้เขียนจะขออธิบายช่องทางการยอมรับเขตอำนาจศาลโลกเสียก่อนว่ามีวิธีการใด บ้าง การยอมรับเขตอำนาจศาลโลกนั้นทำได้อยู่สามประการคือ

ประการแรก การยอมรับเขตอำนาจการพิจารณาคดีโดยการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาใดอนุสัญญาหนึ่ง ซึ่งกำหนดว่า หากมีปัญหาในการตีความสนธิสัญญา ให้ศาลโลกเป็นผู้พิจารณา

ประการที่สอง ประเทศคู่พิพาทตกลงทำความตกลงยอมรับเขตอำนาจศาลโลกเป็นเฉพาะกรณีๆ ไป กล่าวคือ เมื่อเกิดข้อพิพาทขึ้นมาแล้ว รัฐคู่พิพาทได้ทำสนธิสัญญายอมรับเขตอำนาจศาลเฉพาะข้อพิพาทนั้น และ

ประการที่สาม รัฐได้ทำคำประกาศฝ่ายเดียวยอมรับเขตอำนาจศาล ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขที่รัฐกำหนดไว้

ประเด็นเรื่องการยอมรับเขตอำนาจศาลโลก (ทั้งศาลโลกเก่าและใหม่) ของประเทศไทยนั้นเป็นประเด็นที่คนไทยไม่ใคร่ได้กล่าวถึง อาจเป็นเพราะว่าเป็นประเด็นข้อกฎหมายมากเกินไปประชาชนทั่วไปจึงไม่ค่อยได้ สนใจ

อีกทั้งทางการก็มิได้ชี้แจงประเด็นนี้ต่อสาธารณชน มากนักทั้งๆ ที่ประเด็นนี้มีความสำคัญอย่างมาก และเป็นประเด็นที่หากมีการกล่าวถึงในวงกว้างแล้วก็อาจมีผลกระทบต่อผู้ เกี่ยวข้องได้ แต่เนื่องจากประเด็นนี้สำคัญ ผู้เขียนจึงมิอาจหลีกเลี่ยงที่จะข้ามไปได้จึงขอกล่าวถึง ดังนี้

ประเทศไทยได้ทำคำประกาศยอมรับเขตอำนาจของศาลโลก ทั้งหมด 3 ฉบับ ดังนี้

ฉบับแรกทำเมื่อวันที่ 20 กันยายน ค.ศ.1929 และเริ่มมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ในปี ค.ศ.1930 โดยคำประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลโลกเก่าซึ่งชื่ออย่างเป็นทางการคือ "ศาลประจำยุติธรรมระหว่างประเทศ" (Permanent Court of International Justice : PCIJ) เป็นเวลา 10 ปี

ฉบับที่สอง รัฐบาลไทยทำคำประกาศโดยมิวัตถุประสงค์เพื่อ "ต่ออายุ" (renew) เขตอำนาจศาลโลกเก่า โดยคำประกาศฉบับที่สองนี้ทำเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ.1940 โดยคำประกาศที่สองนี้เริ่มมีผลใช้บังคับวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ.1940

ฉบับที่สาม รัฐบาลไทยทำเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ.1950 ซึ่งหลังจากที่คำประกาศฉบับที่สอง (ที่ต่ออายุคำประกาศฉบับแรก) หมดอายุเป็นเวลา 14 วัน

มีข้อสังเกตที่น่าสนใจและเป็นประเด็นข้อกฎหมายที่ฝ่ายไทยนำมาอ้างก็คือ ศาลโลกเก่านั้นได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 19 เมษายน ค.ศ.1946 และตามธรรมนูญของศาลโลกใหม่ที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า "ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ" (International Court of Justice : ICJ) นั้นมาตรา 36 วรรค 5 ได้กำหนดว่า ให้การยอมรับเขตอำนาจ "ศาลโลกเก่า" โอนถ่ายไปยัง "ศาลโลกใหม่" หากว่า คำประกาศนั้นยังมีผลใช้บังคับอยู่หรือกล่าวง่ายๆ คือ ยังไม่ขาดอายุนั่นเอง

ข้อต่อสู้เกี่ยวกับการคัดค้านเขตอำนาจศาลโลกใหม่ที่ทนายความฝ่ายไทยต่อ สู้ในชั้นของการคัดค้านเขตอำนาจของศาลโลกใหม่นั้นมีว่า คำประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลโลกเก่าได้ยุติลงอันเป็นผลมาจากการสิ้นสุดของศาล โลกเก่า ดังนั้น คำประกาศต่ออายุเขตอำนาจศาลโลกเก่าเมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1950 จึงไม่มีผลใช้บังคับอีกต่อไป

อีกทั้งคำประกาศดังกล่าวมิใช่คำประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลโลกใหม่ ดังนั้น ศาลโลกใหม่จึงไม่มีเขตอำนาจ

แต่ข้อต่อสู้นี้อ่อนมาก ศาลโลกเห็นว่า คำประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลฉบับที่สามที่รัฐบาลไทยทำเมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1950 นั้น ไม่สามารถใช้เป็นเหตุผลในการต่ออายุยอมรับเขตอำนาจศาลโลกเก่าได้ เพราะว่า คำประกาศฉบับที่สามนี้ ทำหลังจากที่คำประกาศฉบับที่สองหมดอายุแล้วสองอาทิตย์

ศาลโลกเห็นว่า สิ่งที่จะต่ออายุได้นั้น สิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งที่ยังมีอยู่ มิใช่เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว อีกทั้งรัฐบาลไทยก็รู้ดีว่าขณะที่ทำคำประกาศฉบับที่สามนั้นทำหลังจากที่ศาล โลกเก่าได้สิ้นสุดลงแล้วกว่าสี่ปี (ศาลโลกเก่าสลายตัวเมื่อปี ค.ศ.1946 แต่คำประกาศฉบับที่สามทำเมื่อปี ค.ศ.1950) ข้ออ้างของประเทศไทยจึงฟังไม่ขึ้น

ประเด็นต่อไปมีว่า ในเมื่อคำประกาศฉบับที่สามฟังไม่ได้ว่าเป็นคำประกาศต่ออายุยอมรับเขตอำนาจ ศาลโลกเก่าแล้ว ผลในทางกฎหมายของคำประกาศฉบับที่สามคืออะไร ศาลโลกเห็นว่า คำประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลฉบับที่สามเป็นคำประกาศใหม่ ที่แยกเป็นเอกเทศออกจากคำประกาศฉบับแรกและฉบับที่สอง

และหากพิจารณาเนื้อหาของคำประกาศที่สามแล้ว ศาลโลกเห็นว่า เป็นการประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลโลกใหม่ โดยอิงเงื่อนไขจากคำประกาศฉบับแรก

ดังนั้น ศาลโลกจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ศาลโลกมีเขตอำนาจพิจารณาข้อพิพาทที่รัฐบาลกัมพูชาฟ้องรัฐบาลไทย ข้อต่อสู้ทางกฎหมายของฝ่ายไทยฟังไม่ขึ้น






ประเด็นเรื่องเนื้อหาของข้อพิพาท

คําร้องของกัมพูชาที่สำคัญที่ให้ศาลโลกวินิจฉัยคือประเด็นที่ว่า กัมพูชามีอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนอันเป็นที่ตั้งของปราสาทพระวิหาร การนำเสนอพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายนั้นมีดังนี้

ฝ่ายไทยเสนอว่า หากพิจารณาตามสนธิสัญญาที่สยามทำกับประเทศฝรั่งเศส (ขณะนั้นประเทศฝรั่งเศสปกครองกัมพูชา) เมื่อปี ค.ศ.1904 ซึ่งตามสนธิสัญญาจะใช้ "สันปันน้ำ" (watershed) ปราสาทพระวิหารจะอยู่ฝั่งไทย แต่หากพิจารณาตามแผนที่ ปราสาทพระวิหารจะอยู่ฝั่งกัมพูชา

ขออธิบายตรงนี้เลยว่าหลังจากที่มีการทำสนธิสัญญาทวิภาคีในปี ค.ศ.1904 ทั้งสองฝ่ายได้ตั้งคณะกรรมการผสมขึ้น และไม่นานนัก คณะกรรมการชุดนี้ก็มิได้ทำงานอีกต่อไป ต่อมา ฝ่ายไทยได้ร้องขอให้ประเทศฝรั่งเศสจัดทำแผนที่ขึ้น ข้อสังเกตเกี่ยวกับแผนที่เจ้าปัญหาฉบับนี้ มีดังนี้

ประการแรก แผนที่นี้เป็นการร้องขอจากฝ่ายไทยให้ประเทศฝรั่งเศสทำขึ้น แผนที่นี้ทำขึ้นที่กรุงปารีส การที่ประเทศร้องขอให้ประเทศฝรั่งเศสทำขึ้นนั้นเป็นเพราะว่าในขณะนั้น ประเทศไทยยังขาดผู้เชี่ยวชาญในการทำแผนที่

ประการที่สอง การปักปันเขตแดนแล้วลงมาตราส่วนลงในแผนที่เป็นการกระทำฝ่ายเดียวของประเทศฝรั่งเศส โดยที่ฝ่ายไทยไม่มีส่วนร่วมเลย

ประการที่สาม การทำแผนที่นี้ไม่เกี่ยวกับคณะกรรมการผสมแต่อย่างใด ในประเด็นนี้ผู้พิพากษาฟิสต์มอริสซึ่งเป็นหนึ่งในองค์คณะกล่าวว่า คณะกรรมการผสมไม่เคยแม้แต่จะ "เห็น" แผนที่นี้ อย่าว่าแต่ "รับรอง" เลย เป็นการร้องขอฝ่ายเดียวจากรัฐบาลไทย

ประการที่สี่ เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดและเป็นเหตุผลสำคัญที่ศาลโลกวินิจฉัยให้ประเทศไทยแพ้ก็คือ แม้ประเทศไทยจะไม่มีส่วนในการทำแผนที่ แต่ประเทศไทยก็ไม่เคยคัดค้านหรือประท้วงเกี่ยวกับความถูกต้องของแผนที่ ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีโอกาสอยู่หลายครั้งที่จะทักท้วงหรือประท้วงถึงความคลาด เคลื่อนหรือความผิดพลาดของแผนที่

โอกาสที่จะประท้วงความไม่ถูกต้องของแผนที่ เช่น กรณีการเจรจาทำสนธิสัญญาทางไมตรี พาณิชย์และการเดินเรือกับประเทศฝรั่งเศสที่ทำขึ้นในปี ค.ศ.1925-1937 แต่ไทยก็มิได้ทักท้วง

ซึ่งศาลโลกเห็นว่า การนิ่งเฉยของประเทศไทยเป็นเวลานานเท่ากับเป็นการยอมรับความถูกต้องของแผนที่แล้ว จะมาปฏิเสธในภายหลังนั้น ไม่อาจกระทำได้ เป็นการปิดปากประเทศไทยว่าจะมาปฏิเสธความผิดพลาดของแผนที่ไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้น ทางการของไทยเองยังได้ทำแผนที่ใช้ขึ้นเองอีกด้วยในปี ค.ศ.1937 โดยแผนที่ที่เจ้าหน้าที่ของไทยเป็นผู้จัดทำ ได้แสดงว่าปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ในดินแดนของกัมพูชา ประเด็นนี้ไทยอ้างว่า แผนที่ที่ไทยทำขึ้นเองฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการทหารเป็นการภายในเท่านั้น แต่ศาลโลกไม่เห็นด้วยกับข้ออ้างของไทยในประเด็นนี้

เหตุผลประการหนึ่งที่ศาลโลกเห็นว่า ประเทศไทยยอมรับอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาเหนือที่ตั้งปราสาทพระวิหารก็คือ การที่กรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ไปเยือนกึ่งเป็นทางการที่ปราสาทพระวิหาร ในครั้งนั้น กองทหารฝรั่งเศสได้ตั้งกองทหารเกียรติยศรับการเสด็จอย่างเต็มที่ และยังชักธงชาติของประเทศฝรั่งเศสด้วย

ซึ่งศาลโลกเห็นว่า เท่ากับประเทศไทยยอมรับอำนาจอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหารว่าเป็นของกัมพูชา (ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส) อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ ผู้พิพากษาศาลโลกท่านหนึ่งคือ ท่านเวลลิงตัน คู ซึ่งเป็นตุลาการเสียงข้างน้อยได้ทำความเห็นแย้งว่า ในเวลานั้นกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยแล้ว แต่ดำรงตำแหน่งนายกราชบัณฑิตยสถานแห่งประเทศไทย อีกทั้งพระองค์ยังตรัสว่า การมาเยือนปราสาทพระวิหารนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง

นอกจากนี้ สาเหตุอีกประการหนึ่งที่ไทยแพ้คดีอาจเป็นผลมาจากการตั้งรูปคดีที่ผิดพลาดมา ตั้งแต่ต้น แทนที่ประเทศไทยจะปฏิเสธความผิดพลาดของแผนที่ ควรรับประเด็นเรื่องแผนที่ แล้วยกข้อต่อสู้ว่า ในกรณีที่ข้อความในสนธิสัญญาที่ให้ใช้ "สันปันน้ำ" แย้งกับ "แผนที่" ในกรณีนี้ให้ถือว่าข้อความในสนธิสัญญามีค่าบังคับเหนือกว่า

ซึ่งอนุสัญญาแวร์ซายส์ มาตรา 29 ก็มีข้อความทำนองนี้ อีกทั้งก็มีคดีที่ศาลตัดสินให้ความน่าเชื่อถือของสนธิสัญญายิ่งกว่าแผนที่

จริงหรือที่ "การนิ่งเฉย" หรือ "กฎหมายปิดปาก" มิใช่เป็นหลักกฎหมาย

หลังจากที่ไทยแพ้คดี นายถนัด คอมันตร์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเวลานั้นกล่าวทำนองว่าศาลโลกนำหลักกฎหมายที่ไม่ชัดเจนมาตัดสินคดี ที่น่าคิดก็คือ ทำไมทนายฝ่ายไทยไม่ทราบ หรือว่า "หลักกฎหมายปิดปาก" หรือ "การนิ่งเฉย" นั้น ศาลโลกหรืออนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศเคยนำมาใช้หลายคดีแล้ว

อีกทั้งนักกฎหมายระหว่างประเทศก็ยังได้เขียนบทความเรื่อง "หลักกฎหมายปิดปากที่ใช้ในศาลระหว่างประเทศและความสัมพันธ์ของหลักกฎหมาย ดังกล่าวกับการนิ่งเฉย" (Estoppel before Internationals and Its Relation to Acquiescence) เขียนโดยนักกฎหมายระหว่างประเทศชื่อ Bowett ลงในวารสาร British Yearbook of International Law ปี ค.ศ.1957 และบทความชื่อ "หลักกฎหมายปิดปากในกฎหมายระหว่างประเทศ" โดย Mcgibborn ในวารสาร International and Comparative Law Quarterly ปี 1958 ซึ่งตีพิมพ์ก่อนที่ศาลโลกจะตัดสินประมาณ 3-4 ปี

ไม่อาจคาดการณ์ได้แน่ชัดว่าฝ่ายไทยได้เคยอ่านบทความนี้หรือไม่ แต่ไม่ว่าฝ่ายไทยจะได้เคยอ่านบทความนี้หรือไม่ก็ตาม ประเด็นที่น่าคิดก็คือ ทนายความของฝ่ายไทยน่าจะย่อมรู้ถึงหลักกฎหมายปิดปากเป็นอย่างดี

เพราะหลักว่าด้วย "การถูกการตัดสิทธิ" (Preclusion) หรือ "การนิ่งเฉย" อาจเทียบได้หรือมีผลเท่ากันกับ "หลักกฎหมายปิดปาก" อันเป็นหลักกฎหมายอังกฤษ หรือแองโกลแซกซอน

บทส่งท้าย

สรุปเหตุผลที่แท้จริงที่ประเทศไทยเสียปราสาทพระวิหารคือ การยอมรับความคลาดเคลื่อนของแผนที่อันเป็นผลมาจากการทำแผนที่ฝ่ายเดียวของ เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศส ซึ่งศาลโลกเห็นว่า หลังจากที่ทำสนธิสัญญาประเทศสยามอยู่ในฐานะที่จะคัดค้านความไม่ถูกต้องของ แผนที่ได้หลายครั้ง แต่ก็มิได้คัดค้าน จึงปิดปากประเทศสยามว่าต่อมาจะปฏิเสธความไม่ถูกต้องของแผนที่ไม่ได้

หากประเทศไทยจะเสียดินแดนอีกครั้งคงไม่ใช่เพราะนำข้อมูลการต่อสู้ทาง กฎหมายคดีความเอาไปขายให้กับประเทศเพื่อนบ้านหรือเกิดจากความไม่รักชาติ ไม่สามัคคีอย่างที่คนไทยหลายคนเข้าใจกัน (ซึ่งรวมถึง พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ด้วย) แต่เกิดจากความไม่รอบคอบ ความประมาท และไม่รู้จักหน้าที่ของตนเองมากกว่า เหมือนกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสามจังหวัดภาคใต้ของเรา

ประโยชน์น้ำทับทิม



ยกย่องน้ำผลทับทิมคั้น

คณะนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ยกย่องสรรพคุณของน้ำผลทับทิมคั้น ในทางบำรุงเลือดลมว่า ไม่แพ้ยา “ไวอากร้า” อันเป็นยาแก้อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของบุรุษ หน่วยงานวิจัยด้านมะเร็งนานาชาติ ซึ่งเป็นองค์กรในสังกัดขององค์การอนามัยโลก ประกาศจะขึ้นบัญชีการทำงานกลางคืน เทียบเท่ากับว่าเป็นสารก่อมะเร็ง การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นบนพื้นฐานการทบทวนงานวิจัยหลายชิ้นที่พบอัตราการเป็นมะเร็ง ทรวงอก และมะเร็งต่อมลูกหมากมากขึ้นในหมู่ชายหญิงที่ทำงานตอนกลางคืน สมาคมโรคมะเร็งกล่าวว่า จะดำเนินตามคำวินิจฉัยนั้น แต่ยังคงพิจารณาว่าความเชื่อมโยง ของมะเร็งจากการทำงานยังอยู่ในขั้น “ไม่แน่นอน” หรือ “ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้” เพราะอาจจะมีปัจจัยอื่นร่วมด้วยที่ทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น ในกลุ่มคนทำงานกะดึก เว็บไซต์ของสมาคมฯยังมีข้อสังเกตว่าสารก่อมะเร็งไม่เป็นเหตุ ให้เกิดมะเร็งเสมอไป ถ้าหากทฤษฎีการทำงานกลางคืนพิสูจน์ได้ในที่สุดว่าเป็นจริงนั้นจะทำให้คนเรือนล้านทั่วโลก ได้รับผลจากทฤษฎีนี้ โดยผู้เชี่ยวชาญคาดประมาณว่าเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรวัยทำงานในประเทศพัฒนาแล้วเป็นคนทำงานกะกลางคืน เหตุผลที่นักวิทยาศาสตร์คาดหมายถึงความเชื่อมโยงระหว่างการทำงานกะดึกกับการเกิดมะเร็ง เพราะว่ามันเข้าไปขัดจังหวะการทำงานของนาฬิกาชีวภาพในร่างกาย และฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งสามารถกดการเติบโตของก้อนเนื้อนั้น โดยปกติจะมีการผลิตขึ้นมาในเวลากลางคืน “การนอนไม่พอจะทำให้ระบบภูมิคุ้มโรคอ่อนแอถูกจู่โจมได้ง่ายและสามารถต่อสู้ กับเซลล์มะเร็งได้น้อยลง” มาร์ค รี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยไลท์ รีเสิร์ช ที่สถาบันโพลีเทคนิคเรนส์เซลเลอร์ ในนิวยอร์ก กล่าว.

วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

INTEL

intel
Dreamwork SKG เลือกใช้ Intel แทนที่ AMD แล้ว
Submitted by lew on 10 July, 2008 - 13:50. tags:
AMD
CPU
intel
เมื่อปี 2005 ทาง Dreamwork SKG ได้ตกลงกับทางเอเอ็มดีเป็นสัญญาสามปีที่จะใช้งานซีพียูของเอเอ็มดีในเรนเดอร์ฟาร์ม นับว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ถึงประสิทธิภาพที่เหนือกว่าอินเทลในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี แต่เวลาผ่านไปสามปีเมื่อสัญญาฉบับนั้นได้สิ้นสุดลง ทาง Dreamwork SKG ก็ได้ทำข้อตกลงฉบับใหม่กับทางอินเทลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ข้อตกลงครั้งนี้ไม่ได้อยู่บนประสิทธิภาพของซีพียูเพียงอย่างเดียว ทาง Dreamwork SKG นั้นยังได้รับการช่วยเหลือจากทางอินเทลในการวางสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ใหม่ เพื่อให้ซอฟต์แวร์ทำงานบนเครื่องแบบหลายคอร์ได้ดียิ่งขึ้น จุดนี้นับว่าเป็นความได้เปรียบที่ทางเอเอ็มดียังเสียเปรียบอยู่มาก เพราะวิศวกรซอฟต์แวร์ของทางด้านเอเอ็มดีนั้นเล็กมากจนไม่มีผลงานที่ชัดเจนเท่าใดนัก ส่วนทางฝั่งอินเทลนั้นผลงานที่เรารู้จักกันคงเป็น Intel C Compiler

Dreamwork SKG ใช้งานซีพียูของเอเอ็มดีไปแล้วกว่า 5000 คอร์ และยังคงใช้งานต่อไปอีกพักใหญ่ๆ

ที่มา - ArsTechnica

»
lew's blog
15 comments
เทคโนโลยีของ Larrabee ได้รับการพัฒนาจากกลาโหมสหรัฐฯ
Submitted by lew on 9 July, 2008 - 19:30. tags:
CPU
GPU
High Performance Computing
intel
เทคโนโลยี Larrabee ของอินเทลปรากฏอยู่ในสงครามน้ำลายระหว่างอินเทลกับ NVIDIA มาหลายต่อหลายครั้งถึงประสิทธิภาพที่เหนือกว่าเทคโนโลยีปัจจุบันแบบขาดลอยจากการใส่ซีพียูคอร์รวมไปในชิปนับสิบคอร์ ที่น่าสนใจคือแต่ละคอร์นั้นใช้เทคโนโลยี P54C หรือซีพียูคอร์ที่ใช้งานในเพนเทียมยุคแรก

คำถามที่น่าสนใจคือทำไมอินเทลจึงเลือกใช้เทคโนโลยีเก่าเช่นนี้แทนที่จะเป็นสถาปัตยกรรม Core ในซีพียูรุ่นใหม่ๆ เช่น Core 2

คำตอบในเรื่องนี้คือประเด็นของพื้นที่และการพัฒนาการออกแบบ โดยหลังจากที่อินเทลหยุดทำตลาดชิปเพนเทียมไปแล้วนั้นทางกลาโหมสหรัฐฯ กำลังต้องการซีพียูสำหรับใช้งานทางการทหารอยู่ และได้เลือกเอาเพนเทียมของอินเทลไปใช้งาน

การออกแบบของ P54C ได้รับการพัฒนาโดยกลาโหมสหรัฐฯ เรื่อยมาอยู่หลายปีและเมื่อทางกลาโหมสหรัฐฯ จะเลิกใช้เทคโนโลยีนี้ ก็ได้โค้ดออกแบบกลับไปยังอินเทล พอเหมาะกับที่อินเทลกำลังหาคอร์ขนาดเล็กที่ปราศจากบั๊กเพื่อไปใช้งานใน Larrabee พอดี

ซีพียูคอร์ใน Larrabee นั้นไม่มีความสามารถการประมวลผลแบบ out-of-order ซึ่งมีในซีพียูรุ่นใหม่ๆ แทบทุกตัว การใช้เทคโนโลยีที่เรียบง่ายทำให้ซอฟต์แวร์แบบเธรดเดี่ยวทำงานได้ประสิทธิภาพเพียงครึ่งเดียวของซีพียูในตลาด แต่เมื่อใช้งานคอร์จำนวนมากในชิปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้วประสิทธิภาพรวมจะสูงขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะประสิทธิภาพในเชิงพลังงานนั้นอินเทลระบุว่า Larrabee นั้นให้ประสิทธิภาพต่อพลังงานดีกว่าชิปปัจจุบันถึง 20 เท่าตัวเลยทีเดียว

ที่มา - ArsTechnica

»
lew's blog
25 comments
อินเทลระบุ "CUDA เป็นแค่ประวัติศาสตร์ที่อยู่ในโน้ตใต้หน้าหนังสือ"
Submitted by lew on 2 July, 2008 - 20:45. tags:
High Performance Computing
intel
Larrabee
Nvidia
สงครามน้ำลายระหว่างอินเทลกับ NVIDIA ยังมีอยู่เรื่อยๆ จากแนวโน้มของสินค้าของทั้งสองบริษัทที่กำลังจะมาทับกันในอนาคตอันใกล้ ทางด้าน NVIDIA นั้นสนับสนุนแพลตฟอร์ม CUDA ที่ใช้การ์ดกราฟิกเพื่อคำนวณเฉพาะด้านที่ให้ความเร็วสูง ส่วนทางอินเทลนั้นมี Larrabee ที่เป็นชิปในสถาปัตยกรรม IA (ทั่วไปเรียกว่า X86) แบบ many-core ที่หมายถึงชิปที่มีปริมาณคอร์มากกว่า 10 คอร์ขึ้นไป

ผู้ที่กล่าวเช่นนี้คือ Pat Gelsinger รองประธานอาวุโสของอินเทล เขาให้เหตุผลสนับสนุนคำกล่าวนี้ว่าเราได้เห็นสถาปัตยกรรมหลายต่อหลายแบบที่สัญญาว่าจะให้ความเร็วกว่าคอมพิวเตอร์แบบทั่วๆ ไปนับสิบเท่า แต่สถาปัตยกรรมเหล่านั้นกลับต้องการรูปแบบใหม่ในการเขียนโปรแกรมที่ต่างไปจากเดิม และยกตัวอย่างเครื่อง PS3 ที่วางตลาดมานับปีแล้วแต่ก็ยังไม่มีโปรแกรมเมอร์ดึงเอาศักยภาพภายในของมันออกมาได้

Intel Larrabee นั้นเป็นชิปที่รวมเอาคอร์แบบ IA ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ แล้วเพิ่มเอาส่วนขยายที่ทำให้สถาปัตยกรรม IA รองรับ API ของกราฟิกเช่น DirectX หรือ OpenGL อย่างเต็มรูปแบบ และได้ความเร็วที่ดีกว่า โดยล่าสุดทางอินเทลได้เดโมเกม Quake 4 รุ่นที่เรนเดอร์แบบ Ray Trace ตามเวลาจริงได้

ที่มา - CustomPC

»
lew's blog
11 comments
อินเทลไม่ใช้ Windows Vista ภายในองค์กร
Submitted by ds2kGTS on 30 June, 2008 - 15:47. tags:
intel
Vista
Windows
นิวยอร์คไทมส์รายงานว่าแผนกไอทีของอินเทลพบว่าไม่มีความจำเป็นในการอัพเกรดไปใช้ Windows Vista

คงจะเป็นเรื่องธรรมดาหากบริษัทใด ๆ จะพิจารณาไม่อัพเกรดระบบปฏิบัติการไปสู่รุ่นล่าสุด แต่ทว่าในกรณีของอินเทลนี้ดูจะมีผลกระทบค่อนข้างมากเนื่องมาจากความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างไมโครซอฟท์กับอินเทลหรือที่รู้จักกันในชื่อ Wintel

ไม่ใช่เพียงแค่อินเทลเท่านั้นที่ปฏิเสธการอัพเกรดไปสู่ Vista แต่หากยังมีอีกหลายบริษัทที่ปฏิเสธการอัพเกรดนี้ โดยอัตราการอัพเกรดมาสู่ Vista ของลูกค้าองค์กรอยู่ที่ระดับที่ต่ำกว่าระบบปฏิบัติการรุ่นก่อน ๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า “ไม่มีความจำเป็นในการอัพเกรด”

แต่ดูเหมือนว่าไมโครซอฟท์จะไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนกับเรื่องนี้สักเท่าไร เนื่องมากจากการที่ยอดขายของ Vista แบบ OEM มีอยู่สูงกว่า 140 ล้านชุด

อ่านเพิ่มเติม

Intel won’t touch Vista
Et Tu, Intel? Chip Giant Won’t Embrace Microsoft’s Windows Vista
ที่มา - ZDNet Asia

»
ds2kGTS's blog
18 comments
อินเทลตั้งบริษัทลูกผลิตเซลล์แสงอาทิตย์
Submitted by lew on 17 June, 2008 - 12:55. tags:
Energy
intel
Solar
SpectraWatt
อินเทลประกาศก่อตั้งบริษัทลูกในชื่อ SpectraWatt มีจุดประสงค์หลักในการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ป้อนโรงงานผลิตโมดูลโซลาร์เซลล์ โดยอินเทลลงทุนประเดิมก้อนแรกเป็นมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์พร้อมๆ กับกองทุนอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง

SpectraWatt จะเปิดโรงงานแรกในรัฐโอเรกอน การก่อตั้งบริษัทน่าจะเรียบร้อยในไตรมาสที่สามของปีนี้ และจะเริ่มส่งมอบสินค้ากันภายในกลางปีหน้า โดยบริษัทอ้างว่าบริษัทมีลูกค้ารอสินค้าอยู่แล้ว และเริ่มเตรียมวัตถุดิบไว้แล้ว

Andrew Wilson ผู้จัดการของกลุ่มธุรกิจใหม่ของอินเทลเดิมถูกส่งตัวมาเป็น CEO ของ SpectraWatt พร้อมกันนี้เขาระบุว่าความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีซิลิกอนของอินเทลสามารถนำมาใช้ในเทคโนโลยีโซลาร์เซลล์ด้วยเช่นกัน แม้สินค้าจะต่างกันมากก็ตาม

กูเกิลไปก่อนหน้านี้แล้ว อินเทลก็มาแล้ว ข่าวต่อไป ไมโครซอฟท์…….?

ที่มา - PhysOrg, C|Net

»
lew's blog
6 comments
อินเทลส่งควอดคอร์ราคาถูก อัดซ้ำเอเอ็มดี
Submitted by mk on 14 June, 2008 - 04:41. tags:
intel
Processor
ในตลาดบน Nehalem ที่ยังไม่ออกวางจำหน่ายก็ทิ้งซีพียูสถาปัตยกรรม Barcelona ไปไกล (ข่าวเก่า: ผลทดสอบ Intel Nehalem อย่างไม่เป็นทางการ)

ยุทธศาสตร์ของเอเอ็มดีจึงใช้ราคาเข้าสู้ในตลาดกลาง โดยออก Phenom X3 แบบ 3 คอร์ มาจับตลาดที่อยู่ระหว่าง 2 คอร์กับ 4 คอร์ (ข่าวเก่า: Phenom X3 มาแล้ว) ข้อมูลราคาที่ผมหาได้คือ Phnome X3 8750 2.4GHz อยู่ที่ 195 ดอลลาร์ต่อการซื้อยกล็อต

แต่สาวกเอเอ็มดีมักรู้กันว่าของแบบนี้ดีใจได้ไม่นาน ล่าสุดอินเทลกำลังจะปล่อย Xeon แบบ 4 คอร์ราคาถูกมาชิงตลาดเดียวกัน โดยใช้ชื่อรุ่นว่า Q8000 ความเร็วสัญญาณนาฬิกาเริ่มต้น 2.33GHz แคช L2 ขนาด 4MB และมี FSB 1333MHz ราคาขายส่งตัวละ 203 ดอลลาร์ กำหนดวางขายไตรมาสที่สามของปีนี้ สิ่งที่ถูกตัดออกไปคือเทคโนโลยี Virtualization (VT) และ Trusted Execution Technology (TXT)

ไม่เกี่ยวกับข่าวแต่ในตลาด Netbook ที่กำลังร้อนแรง เอเอ็มดียังดูไม่สนใจอีกต่างหาก (CNET)

ที่มา - Digitimes

»
mk's blog
17 comments
ปัญหาความขัดแย้งใน USB 3.0 อาจจะทำให้มาตรฐานแตกเป็นหลายทาง
Submitted by lew on 12 June, 2008 - 15:11. tags:
AMD
Hardware
intel
Nvidia
Open Standard
USB
ข้อดีหลักของ USB ในทุกวันนี้เราคงเห็นว่าอุปกรณ์แทบทุกตัวทำงานร่วมกับพอร์ต USB ได้แบบครอบจักรวาล การที่ USB 3.0 จะเร่งความเร็วขึ้นไปถึงสิบเท่าตัวเป็น 5 กิกะบิตต่อวินาทีนั้นหลายๆ คงก็อาจจะคาดว่ามันจะทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้เหมือนเดิม

แต่ปัญหาอาจจะกำลังเกิดขึ้นเมื่อทาง C|Net ได้รายงานข่าวว่ามีแหล่งข่าวภายใน AMD และ NVIDIA ออกมาระบุว่าอินเทลกำลังพยายามถ่วงเวลาที่จะปล่อยสเปคของ USB 3.0 ของทางอินเทลออกมา ซึ่งจะสุดท้ายแล้วจะสร้างความได้เปรียบให้กับอินเทลที่จะมีอุปกรณ์มาวางขายล่วงหน้าคู่แข่งอยู่หลายเดือน และสุดท้ายแล้วอาจจะเป็นการบีบให้ทาง AMD และ NVIDIA ต้องพัฒนามาตรฐานของตัวเองมาใช้กันเอง

ปัญหานี้ยังไม่มีการแถลงการอย่างเป็นทางการจากทุกบริษัททั้ง AMD, อินเทล, และ NVIDIA

ในรายงานข่าวระบุว่าทางแหล่งข่าวจากอินเทลเองก็ไม่ได้สนใจแนวทางการพัฒนามาตรฐานแยกไปต่างหากนัก เพราะการพัฒนามาตรฐานนั้นใช้แรงงานของวิศวกรจำนวนมาก และเหมือนว่าทาง AMD, และ NVIDIA จะได้ประโยชน์จากแรงงานของอินเทลมาเป็นเวลานานแล้ว

จะทะเลาะกันยังไงก็ให้เสียบใช้งานร่วมกันได้แล้วกันนะ ไม่งั้นเดือดร้อนคนซื้ออย่างเราๆ อีกนั่นแหละ

ที่มา - C|Net

»
lew's blog
10 comments
อินเทลเปิดตัวพันธมิตรหนุน WiMAX
Submitted by mk on 10 June, 2008 - 16:56. tags:
intel
Telecom
WiMax
อินเทลและพันธมิตรรวม 6 บริษัท เปิดตัว Open Paten Alliance เพื่อหนุนให้ WiMAX เกิดเร็วขึ้น โดยรวมสิทธิบัตรด้าน WiMAX ของสมาชิกเข้าด้วยกันเป็น patent pool และอนุญาตให้บริษัทที่สนใจสามารถนำสิทธิบัตรเหล่านี้ไปใช้ได้ในราคาที่สมเหตุสมผล

Sriram Viswanathan จากอินเทลยกกรณีของเทคโนโลยี 3G ขึ้นมาเทียบ ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีด้าน 3G ในโลกมีจากหลายบริษัท (เช่น โนเกีย, อีริคสัน และ Qualcomm) ใช้ด้วยกันไม่ได้ และแต่ละบริษัทเก็บค่าใช้งานสิทธิบัตรแยกขาดจากกัน ทำให้บริษัทโทรคมนาคมที่ต้องการสร้างเครือข่าย 3G มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ดังนั้นการรวมตัวของพันธมิตร OPA จะช่วยให้การสร้างเครือข่าย WiMAX มีราคาถูกและง่ายขึ้น

6 บริษัทที่ว่าได้แก่อินเทล (ชิปเซ็ต), Sprint Nextel กับ Clearwire (ผู้วางโครงข่ายในสหรัฐ), Cisco, Samsung, Alcatel-Lucent (อุปกรณ์เครือข่าย) อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์สังเกตว่าผู้ผลิตชิปเซ็ตรายใหญ่อย่าง Qualcomm ไม่ได้ร่วมวงด้วย

การรวมตัวครั้งนี้ทำให้ฝั่ง WiMAX มีภาษีดีกว่าเทคโนโลยีคู่แข่งคือ LTE (Long Term Evolution) ซึ่งยังตกลงเรื่องสเปกกันไม่ได้อยู่พอสมควร ผู้บริหารของอินเทลเองก็ออกมาเรียกร้องว่า WiMAX และ LTE ควรรวมตัวกันให้เหลือเพียงเทคโนโลยีเดียว

ที่มา - CNET

»
mk's blog
2 comments
ผลทดสอบ Intel Nehalem อย่างไม่เป็นทางการ
Submitted by mk on 6 June, 2008 - 17:42. tags:
intel
Processor
ที่งาน Computex 2008 ทีมงานของเว็บไซต์ AnandTech ได้มีโอกาสทดสอบซีพียูรหัส Nehalem รุ่นถัดไปของอินเทล ซึ่งอินเทลส่งของตัวอย่างให้กับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ฝั่งไต้หวันเพื่อเตรียมตัวทำเมนบอร์ด

ต้องอธิบายก่อนว่า Nehalem นี่เป็นทั้งรหัสของตัวซีพียูเอง และรหัสของ microarchitecture ซึ่งจะใช้กับซีพียูรุ่นถัดๆ ไปของอินเทลด้วย ปัจจุบันเราอยู่ในยุคของ Core microarchitecture (นับตั้งแต่ Core 2 เป็นต้นมา พวกซีพียูรหัส Conroe, Merom, Penryn นี้ใช่หมด) วัฎจักรซีพียูของอินเทลช่วงหลังนี้น่าสนใจมาก ทุกสองปีจะออก Microarchitecture ใหม่ สลับกับการลดขนาด die ลงมาเรื่อยๆ (ดูภาพประกอบ)

กลับมาที่ Nehalem ผลสรุปคือเร็วกว่า Penryn ที่สัญญาณนาฬิกาเท่ากัน (2.66 GHz) ประมาณ 20-50% และเร็วกว่า Penryn 3.2GHz เสียอีก ข้อเสียเดียวที่มีคือกินไฟเพิ่มจาก Penryn ขึ้นมาประมาณ 10% Nahalem มีกำหนดวางขายปลายปีนี้

สาวก AMD เห็นผลเบนช์มาร์คแล้วคงเครียด AMD สู้อินเทลไม่ได้ตั้งแต่ Conroe แล้ว และช่องว่างดูจะทิ้งห่างไปเรื่อยๆ ทั้งใน Penryn และ Nehalem

ที่มา - AnandTech

»
mk's blog
14 comments
รายงานการเปิดตัว Intel Atom อย่างเป็นทางการในประเทศไทย
Submitted by lew on 5 June, 2008 - 15:36. tags:
Special Report
Atom
intel
Netbook

วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

การติดและวิธีการเลิกบุหรี่





การติดบุหรี่เป็นการติด 2 ทางร่วมกัน คือ

1. การติดทางร่างกาย

2. การติดทางจิตใจ

การติดทางร่างกายคือการที่ร่างกายติดสารนิโคติน เกิดจากการสูบบุหรี่อยู่เป็นประจำจนร่างกายติดสารนิโคตินซึ่งเป็นสารเสพติดที่อยู่ในบุหรี่ เมื่อหยุดสูบบุหรี่สารนิโคตินในร่างกายจะลดลงทำให้เกิดอาการขาดนิโคตินได้แก่ อาการหงุดหงิด กระวนกระวาย คิดอะไรไม่ออก ต้องหาบุหรี่มาสูบเพื่อเติมนิโคตินให้เพียงพอดังเดิม

เมื่อหยุดสูบบุหรี่ภาวะเสพติดทางร่างกายจะค่อยๆหายไปในเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ดังนั้นถ้าเราสามารถทนหยุดสูบบุหรี่ได้เพียง 2-3 สัปดาห์ ร่างกายของเราก็จะพ้นจากภาวะติดบุหรี่

วิธีต่อสู้กับการติดทางร่างกาย คือ

1. หยุดสูบบุหรี่ให้ได้สัก 2-3 สัปดาห์

2. ใช้ยาช่วย

การติดทางจิตใจคือการสูบบุหรี่จนติดเป็นนิสัย เกิดจากการเรียนรู้ว่าการสูบบุหรี่ทำให้หายเครียด เพลิดเพลิน หายเบื่อ สมองแล่น ทำให้เกิดการติดอกติดใจอยากสูบเรื่อยๆ จนติดเป็นนิสัยหรือเป็นความเคยชินอย่างหนึ่ง เมื่อไหร่ที่รู้สึกเครียดหรือเบื่อๆ ก็จะคิดถึงบุหรี่ ภาวะเสพติดทางจิตใจเป็นสาเหตุสำคัญ ของการกลับมาสูบใหม่หลังจากเลิกได้แล้ว ดังนั้นผู้ที่พยายามเลิกสูบบุหรี่และผู้ที่เลิกสูบบุหรี่ได้แล้วยังต้องปฏิบัติตนเพื่อการเลิกสูบบุหรี่ต่อไปเรื่อยๆ จนเกิดเป็น "นิสัย" หรือเป็นความเคยชินอันใหม่ที่ไม่มีการสูบบุหรี่

การต่อสู้กับการติดทางใจมีหลายวิธี

1. หลีกเลี่ยงสิ่งยั่วยุหรือกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดความอยากสูบบุหรี่ เช่น

ไม่พกบุหรี่ติดตัว

ทิ้งอุปกรณ์สูบบุหรี่ทั้งหมด

ไม่เข้าใกล้คนที่กำลังสูบบุหรี่

เลือกที่นั่งในบริเวณที่ห้ามสูบบุหรี่

ถ้าดื่มกาแฟหรือเหล้าแล้วอยากสูบบุหรี่ ก็ให้หยุดดื่มหรือเปลี่ยนไปดื่มอย่างอื่นแทน

ถ้าต้องสูบบุหรี่หลังอาหารก็ให้ลุกขึ้นหา อะไรทำทันทีที่รับประทานอาหารอิ่ม

2. เบี่ยงเบนความสนใจเมื่อเกิดความอยากสูบบุหรี่ขึ้นมา เช่น อาบน้ำ หาอะไรทำ เล่นกีฬา

3. เสริมสร้างกำลังใจ ในการเลิกสูบบุหรี่ เช่น

คิดทบทวนผลเสียของการสูบบุหรี่และผลดีของการหยุดสูบบุหรี่

บอกคนรอบข้างว่าท่านกำลังพยายามหยุดสูบบุหรี่ เพื่อพวกเขาจะได้ช่วยเชียร์และไม่มายั่วหรือ ส่งบุหรี่ให้เวลาท่านหงุดหงิดเขาจะได้เข้าใจ

ทำให้ท่านต้องพยายามอย่างจริงจังมากขึ้น

เก็บเงินค่าบุหรี่ใส่กระปุกออมสินไว้

ให้รางวัลตัวเองถ้าเลิกสูบบุหรี่ได้ ฯลฯ

4. หาวิธีอื่นๆ ในการจัดการกับความเครียด

วิธีจัดการกับความเครียดนั้นมีมากมายหลายวิธี บางคนใช้วิธีดูหนัง ฟังเพลง เล่นกีฬา บางคนใช้วิธีปิดห้องแล้วตะโกนดังๆ หรือลองศึกษา สังเกตุดูพฤติกรรมของพรรคพวกเพื่อนฝูงที่ไม่สูบบุหรี่ว่าเขาจัดการกับความเครียดอย่างไร ทดลองใช้วิธีจัดการกับความเครียดแบบต่างๆ ดู แล้วจดจำวิธีที่ท่านชอบเอาไว้ใช้

5. กำหนดวันที่จะหยุดสูบอย่างเด็ดขาด

เพื่อให้มีเวลาเตรียมตัวและ "ทำใจ" อาจจะกำหนดโดยใช้วันที่มีความหมายพิเศษบางอย่างเช่น วันเกิด วันครบรอบแต่งงาน วันเกิดลูก หรืออาจกำหนดเป็นระยะเวลาเช่นอีก 3 วัน 7 วัน หรือ 10 วัน หรืออีก 2 สัปดาห์ก็ได้ หลังจากนั้นให้ใช้เวลาช่วงนี้ค่อยๆ พยายามลดการสูบบุหรี่ลง โดยจำกัดจำนวนบุหรี่ที่จะสูบในแต่ละวันลงเรื่อยๆ สูบเพียงครึ่งมวนแล้วทิ้ง กำหนดวันที่จะไม่สูบบุหรี่เลยทั้งวันจากสัปดาห์ละ 1 วัน แล้วค่อยๆ เพิ่มเป็นสัปดาห์ละ 2 วัน 3 วัน หรือค่อยๆ เพิ่มเป็น 2 วันติดกัน 3 วันติดกัน ฯลฯ

ในระหว่างนี้ให้พยายามปฏิบัติตามวิธีที่กล่าวมาแล้วไปด้วยคือ หลีกเลี่ยงสิ่งยั่วยุ เบี่ยงเบนความสนใจ เสริมสร้างกำลังใจ และเปลี่ยนวิธีจัดการกับความเครียด เมื่อถึงวันที่ท่านกำหนดว่าจะหยุดสูบบุหรี่ให้ทิ้งบุหรี่ที่เหลือและอุปกรณ์การสูบบุหรี่ให้หมดแล้วหยุดสูบบุหรี่ทันที แล้วปฏิบัติตามวิธีข้างต้นต่อไปจนสามารถหยุดสูบบุหรี่ได้เด็ดขาดและเกิดเป็น "นิสัย" หรือความคุ้นเคยอันใหม่ที่ไม่ต้องสูบบุหรี่

การใช้ "ยาช่วยอดบุหรี่" ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้การอดบุหรี่ง่ายขึ้นการใช้ยาสามารถช่วยลดความทรมานจากการติดทางร่างกาย ได้ทำให้เราสามารถทุ่มเทกำลังใจในการต่อสู้กับการติดทางจิตใจได้เต็มที่ การใช้ยาที่มีการศึกษาว่าช่วยให้การเลิกสูบบุหรี่ประสบความสำเร็จมากขึ้นคือการให้นิโคตินทดแทนในรูปของ หมากฝรั่งนิโคตินและแผ่นปะนิโคติน

หลักการของหมากฝรั่งและแผ่นปะนิโคติน

คือ การให้นิโคตินแก่ร่างกายในขนาดต่ำๆ เพื่อระงับอาการขาดนิโคตินแล้วค่อยๆ ลดขนาดยาลงเรื่อยๆ จนหมด ทั้งหมากฝรั่งและแผ่นปะนิโคตินใช้ได้ผลใกล้เคียงกันแต่ก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันบ้างคือเราสามารถใช้แผ่นปะนิโคตินได้ตลอดเวลารวมทั้งเวลานอนด้วย ทำให้เมื่อตื่นขึ้นมาเราจะไม่ค่อย "หิว" บุหรี่ ส่วนหมากฝรั่งนิโคตินนั้นเราสามารถเพิ่มหรือลดปริมาณนิโคตินได้เองในระดับหนึ่งโดยการเคี้ยวถี่หรือห่างลง นอกจากนี้การเคี้ยวหมากฝรั่งนิโคตินยังช่วยลดความ "เหงาปาก" ได้ด้วยแต่การใช้ยาก็มีข้อจำกัดคือ เมื่อเริ่มใช้ยาผู้สูบบุหรี่

ต้องหยุดสูบทันที การใช้ยาไปด้วยแล้ว "ค่อยๆ สูบน้อยลง" จะทำให้เลิกสูบบุหรี่ ไม่สำเร็จ นอกจากนั้นปริมาณนิโคตินโดยรวมที่ร่างกายได้รับเข้าไปอาจมากเกินไปทำให้เกิดอันตรายได้ ดังนั้นการใช้ยาทั้ง 2 ชนิดนี้จึงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

ข้อปฏิบัติในการป้องกันการสูบบุหรี่ กรณีคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่ก็ไม่ควรริลอง ไม่ควรคิดว่าเป็นเรื่องโก้เก๋หรือทำตามเพื่อน ในการป้องกันสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

การป้องกันตัวเอง

1. ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับโทษพิษภัยของบุหรี่ ประโยชน์ของการไม่สูบบุหรี่

2. รู้จักตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยเหตุผล หากไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง ควรปรึกษา พ่อ แม่ ครู หรือญาติผู้ใหญ่ที่ไว้ใจ

3. ไม่ทดลองสูบบุหรี่ และกล้าที่จะปฏิเสธเมื่อมีผู้อื่นชักชวน

4. ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์

การป้องกันในครอบครัว

1. สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวโดยให้ความรัก ความเข้าใจ ความใกล้ชิดระหว่าง พ่อ แม่ ลูก และให้คำปรึกษาแนะนำเมื่อลูกมีปัญหา

2. พ่อแม่ต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี เช่น ไม่สูบบุหรี่ ไม่เสพสารเสพติด

การป้องกันในโรงเรียน

1. ครูอาจารย์ต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีเป็นที่ปรึกษาแนะนำในการปฏิบัติตัวในทางที่ถูกต้องเหมาะสม

2. ครูอาจารย์ต้องคอยสอดส่องพฤติกรรมของนักเรียนรวมทั้งประสานงานกับผู้ปกครองเพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดของบุหรี่ในโรงเรียน

3. ครูอาจารย์ต้องศึกษาความรู้ เรื่องบุหรี่และสารเสพติดและวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างถูกวิธี

การป้องกันในชุมชน

ทุกคนในชุมชนต้องมีส่วนร่วมที่จะทำให้ชุมชนอยู่ร่วมกันโดยปราศจากบุหรี่และสารเสพติด


8 วิธีการเลิกบุหรี่


การเลิกบุหรี่ ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ หรือด้วยกระบวนการทางการแพทย์ สามารถช่วยอาการติดแบบ Psysical Addiction ได้ แต่สำหรับ Habit แล้ว ต้องอาศัยกำลังใจความเข้มแข็ง และความตั้งใจจริง ถ้าหากคุณเป็นผู้หนึ่ง ที่คิดจะเลิกบุหรี่ในวันงดบุหรี่โลก หรือวันไหนก็แล้วแต่ ที่ถือเป็นวันดีสำหรับคุณลองมาปฏิบัติตามข้อแนะนำต่อไปนี้ เพราะมันจะช่วยให้คุณ ไม่หวนกลับมาหาบุหรี่อีกเลย

1. ทิ้งบุหรี่ที่คุณมีอยู่ให้หมด หาให้ทั่วว่าคุณอาจจะซุกซ่อนบุหรี่ของคุณเอาไว้ที่ไหน ในกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง เสื้อแจ็คเก็ต ลินชักโต๊ะทำงานโยนทิ้งไม่ให้เหลือแม้กระทั่งมวนเดียว ไม่ว่ามันจะมีราคาแพงแค่ไหนก็อย่าเสียดายเป็นอันขาด

2. ที่เขี่ยบุหรี่ก็ทิ้งไปเสียด้วย กรณีที่เสียดายเพราะมันเป็นเครื่องตกแต่งราคาแพง อาจจะยกให้คนอื่นไปเสีย หรือนำไปเก็บไว้ในที่ ๆ คุณแน่ใจว่า จะไม่มองเห็นหรือหยิบออกมาได้โดยง่าย

3. เปลี่ยนทรงผม จะได้ดูว่า เรากำลังจะเป็นคนใหม่

4. ทำความสะอาดบ้านและเครื่องเรือนทั้งหมด รวมทั้งเสื้อผ้าก็นำมาซักให้สะอาด ให้กลิ่นบุหรี่หมดไป จริงอยู่คนสูบบุหรี่จะไม่ได้กลิ่นเหล่านี้หรอก เพราะความเคยชิน แต่เมื่อเลิกแล้ว คุณจะได้กลิ่นของมัน

5. ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ เพราะมันจะช่วยชำระล้าง Nocotine ออกจากร่างกาย และยังช่วยบรรเทาอาการอยากบุหรี่ได้ด้วย

6. ลดปริมาณสาร Caffeine ที่รับประทานในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นชาหรือกาแฟก็ตาม โดยก่อนการเลิกบุหรี่ ควรจะพยายามลดปริมาณสารนี้ให้ได้ประมาณครึ่งหนึ่งของที่เคยรับประทานในแต่ละวัน เพราะ Nicotine ทำให้ caffeine ซึมเข้าร่างกายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ถ้าหากคุณรับประทาน Caffeine ในปริมาณเท่าเดิม ขณะที่สูบบุหรี่ อาจจะนำไปสู่ภาวะที่เรียกว่า Caffeine Toxicity โดยมีอาการ กระวนกระวายและเครียดได้ แลtนั่นอาจจะทำให้คุณหันกลับไปสูบบุหรี่อีกครั้ง

7. ออกกำลังกาย เพราะนอกจากจะทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงแล้ว ยังช่วยให้เราเอาใจออกห่างจากบุหรี่ได้ด้วย

8. หาเพื่อนที่มีความต้องการจะเลิกบุหรี่ด้วยกันสักคน แล้วเลิกพร้อมกันเพื่อที่จะได้เป็นที่ปรึกษา คอยเตือนและคอยให้กำลังใจกัน หรืออาจจะเป็นการหาแรงบันดาลใจอื่น เช่น เลิกเพื่อลูก เลิกเพื่อบิดามารดา หรือคนรักก็ได้